กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์
อีกไม่กี่ปีประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย นิสิตศศินทร์ มองถึงความสำคัญ วางเป้าหมายทำธุรกิจทางด้านการแพทย์ เพื่อรองรับทั้งผู้ป่วยทั่วไป ผู้ป่วยสูงวัยและผู้ป่วยเรื้อรัง ลดความเหลื่อมล้ำ ให้สามารถเข้าถึงการรักษา
นางสาวพัณณิตา ณ.ส. สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ปัจจุบันเป็น นิสิต MBA ปี 2016 สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ( Sasin ) เปิดเผยว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย การตลาดทางด้านการแพทย์จะขยายตามไปด้วย จึงมีเป้าหมาย จะคิดค้นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยสูงวัย มีความสะดวกสบายในการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเน้นให้มีราคาที่เข้าถึงได้ทั่วไป ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ให้คนป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยจะนำอุปกรณ์ใหม่ๆมาใช้กับผู้ป่วย ทั้งผู้ป่วยทั่วไป ผู้สูงวัย และผู้ป่วยเรื้อรัง เชื่อมั่นว่าคนไทยมีความรู้ความสามารถในการคิดค้น ทางด้านยาและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่บางครั้งเราไม่พัฒนาไปให้สุดทาง อาจเป็นเพราะเราไม่มีหน่วยงานเพื่อสนับสนุนงบประมาณในการทำวิจัยต่อให้สำเร็จและมีประสิทธิภาพจนสามารถใช้งานได้จริง แต่เป็นที่น่ายินดีว่ามาระยะหลังๆ ผลงานการวิจัยของคนไทยได้รับการต่อยอดพัฒนาจนนำมาใช้งานได้จริงมากขึ้น และจากผลงานการวิจัยทางด้านการแพทย์ของคนไทยที่ผ่านมา เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น และเชื่อว่าในอนาคตจะมีการพัฒนา คิดค้น และได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
นางสาวพัณณิตา เปิดเผยเพิ่มเติม เกี่ยวกับการแข่งขันทางการตลาดธุรกิจทางการแพทย์ มีการแข่งขันกันสูงจากบริษัททั้งของคนไทยเองและจากต่างประเทศ แต่ทั้งนี้ ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญกับชีวิตเราทุกคน ดังนั้นจึงมีความมุ่งมั่น ที่จะทำงานเกี่ยวกับทางด้านยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งถ้าคนไทยสามารถผลิตคิดค้นได้เอง ราคาสินค้าก็จะลดลง ซึ่งจะมีส่วนช่วยเหลือผู้ป่วยในประเทศเราเอง ตามความตั้งใจที่จะให้เป็นธุรกิจที่คืนกลับสู่สังคมอย่างยั่งยืน
ก่อนมาเรียนที่ศศินทร์ มีความรู้พื้นฐานด้าน Bio medical scienceและ Bio Medical Engineering เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ที่ประเทศอังกฤษ หลังจบการศึกษาได้เข้าทำงานในตำแห่ง Management trainee กับบริษัทยา ในระหว่างการทำงาน ทำให้ได้เรียนรู้ว่า ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ส่วนใหญ่ราคาค่อนข้างสูง ส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย ขาดโอกาสไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ ทำให้มีความตั้งใจว่า หากมีโอกาสที่จะทำธุรกิจของตัวเอง จะทำธุรกิจเกี่ยวกับยา และทางด้านการแพทย์ เพราะพื้นฐานมีความรู้ทางด้านนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ยังขาดความรู้ทางด้านการบริหารจัดการ เพื่อให้สามารถเข้าใจระบบการทำงานได้ครอบคลุมในหน้าที่การทำงาน ดังนั้นจึงตัดสินใจมาเรียน MBA ที่ศศินทร์ เพื่อเรียนรู้ในเรื่องการบริหารการจัดการ
ทำให้เข้าใจระบบธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ได้รู้เรื่องการบริหารจัดการ การบริหารคน เรื่องการตลาด โฆษณา ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีผลกับธุรกิจอย่างไร มีเป้าหมาย วัตถุประสงค์อะไร เมื่อก่อนรู้แต่เฉพาะการวิจัยอย่างเดียว แต่ไม่รู้ว่าจะขายอย่างไร จะนำเสนอลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างไร นอกจากนี้ยังได้ความรู้ เกี่ยวกับ Entrepreneur ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร มีขั้นตอนอย่างไร ทำให้เข้าใจภาพรวม และขั้นตอนการทำธุรกิจจากที่ไม่มีความรู้เลย ความรู้ที่ได้จะนำไปใช้ทางด้านการตลาด การบริหารจัดการ และดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง มั่นใจว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานได้เป็นอย่างดี