3 สถาบันการเงินกลุ่มกสิกรไทย ประกาศรวมธุรกิจจัดการลงทุน

ข่าวทั่วไป Tuesday October 3, 2000 09:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
ธนาคารกสิกรไทย บล.เมอร์ริล ลินช์ ภัทร และบลจ.กสิกรไทย ประกาศรวมธุรกิจการจัดการลงทุนของทั้ง 3 สถาบัน โดยให้บลจ.กสิกรไทย เป็นผู้จัดการลงทุนเพียงแห่งเดียว ซึ่งทำให้เป็นบริษัทบริหารการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 1.44 แสนล้านบาท
เมื่อวานนี้( 2 ต.ค.43) ที่ห้องจินดาธร ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ ได้มีพิธีลงนามในข้อตกลงการรวมธุรกิจจัดการลงทุนของธนาคารกสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ริล ลินช์ ภัทร และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.)กสิกรไทย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของธนาคารกสิกรไทยเข้าด้วยกัน โดยให้บลจ.กสิกรไทย เป็นผู้จัดการบริหารเพียงแห่งเดียว
การรวมธุรกิจจัดการลงทุนครั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทย และบล.เมอร์ริล ลินช์ ภัทรได้ตกลงโอนธุรกิจการจัดการลงทุน ซึ่งประกอบด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคลให้แก่บลจ. กสิกรไทย โดย ณ 31 สิงหาคม 2543 ธนาคารกสิกรไทย มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการประมาณ 30,000 ล้านบาท บล.เมอร์ริล ลินช์ ภัทร มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการประมาณ 37,000 ล้านบาท บลจ.กสิกรไทยมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการประมาณ 77,000 ล้านบาท
และเมื่อรวมธุรกิจจัดการลงทุนกันแล้วบลจ.กสิกรไทยจะมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการคือ กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคลสูงถึงประมาณ 144,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นบริษัทจัดการลงทุนที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงที่สุด และมีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดทั้ง 3 ธุรกิจในประเทศไทย โดยขนาดสินทรัพย์จะมีขนาดใหญ่กว่าสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ไทยบางแห่งด้วย
ทั้งนี้ภายหลังการรวมธุรกิจจัดการลงทุนแล้ว จะมีการโอนผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการลงทุนจากธนาคารกสิกรไทยและบล.เมอร์ริล ลินช์ ภัทร บางส่วน ไปบริหารงานการลงทุนที่บลจ.กสิกรไทย และ Merrill Lynch Investment Managers จะถ่ายทอดเทคโนโลยีและทักษะใหม่ ๆ ในการจัดการลงทุน รวมทั้งการให้คำแนะนำด้านการลงทุน การวิจัย การตลาดและการจัดการแก่บลจ.กสิกรไทย ซึ่งจะทำให้เป็นสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและดำเนินธุรกิจแบบสากลที่ดี โดยไม่เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจที่ซ้ำซ้อนภายในกลุ่มธนาคารกสิกรไทย
การรวมธุรกิจดังกล่าวจะก่อให้เกิดความมุ่งมั่นในการให้บริการแก่ลูกค้า โดยบลจ.กสิกรไทยจะให้บริการทางธุรกิจการจัดการลงทุนที่ครบวงจร ทั้งธุรกิจการจัดการกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในขณะที่จะมีอำนาจต่อรองในการลงทุน ทำให้กองทุนมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น และมีทีมงานจัดการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีประสบการณ์ ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงในธุรกิจจัดการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้าในปัจจุบัน และผู้สนใจลงทุนในอนาคต
ทั้งนี้ภายหลังรวมธุรกิจแล้ว ธนาคารกสิกรไทย จะยังให้บริการด้านเป็นผู้รับฝากทรัพย์สิน ผู้ดูแลผลประโยชน์กองทุน ระบบทะเบียนสมาชิก การตลาดและบริการด้านการสนับสนุนการซื้อขายหน่วยลงทุน ส่วนบล.เมอร์ริล ลินช์ ภัทร จะทำการตลาดเกี่ยวกับ การเป็นตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ตัวแทนสนับสนุนการจำหน่ายหน่วยลงทุน และการตลาดกองทุนส่วนบุคคล
หลังจากการรวมธุรกิจจัดการลงทุนแล้วจะทำให้ธนาคารกสิกรไทยถือหุ้นในบลจ.กสิกรไทยประมาณ 71% กลุ่ม Merrill Lynch ถือหุ้นประมาณ 15% และกลุ่มบริษัท เมืองไทย ถือหุ้นประมาณ 13% ทั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นมิได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักจากโครงสร้างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ปัจจุบันบลจ.กสิกรไทย เป็นที่รู้จักในเรื่องการจัดการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ มีการควบคุมภายในที่ดีและมีประวัติการทำงานที่โปร่งใส ซึ่งบลจ.กสิกรไทย ภายหลังการรวมธุรกิจจัดการลงทุนจะทำหน้าที่มุ่งเน้นการจัดการลงทุนให้แก่ลูกค้าด้วยปรัชญาที่ดีเช่นเดิม นับเป็นการดำเนินธุรกิจรูปแบบสากลที่ดี เป็นการรวมตัวของทีมงานที่มีคุณภาพ มีความเชี่ยวชาญครบทุกด้าน ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจจัดการลงทุน ทั้งนี้ การรวมธุรกิจดังกล่าวจะทำให้บริการทางการตลาดและบริการต่างๆ ที่ให้แก่ลูกค้าดียิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าในการเลือกใช้บริการกองทุนที่หลากหลาย และครบถ้วนตามความต้องการของลูกค้า--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ