กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--พีอาร์ดีดี
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมกองทุนหุ้นต่างประเทศภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีผลการดำเนินงานในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส ถือเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อเดือนธันวาคม 2555 มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.59% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 7.62% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 18.06% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 3.79% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 4.14% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 16.19% (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2560 ) ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุน SPDR S&P 500 ETF Trust ที่บริหารจัดการโดย State Street Global Advisors ซึ่งเป็นกองทุนที่มีการบริหารจัดการแบบ passive โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี S&P 500 และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นตลาดเกิดใหม่ (SCBEMEQ) มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 12.70% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 13.39% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 7.65% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 8.37% (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2560 ) ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุน Schroder ISF QEP Global Emerging Markets เป็นกองทุนที่บริหารจัดการโดย Schroder Investment Management (Luxembourg) S.A. ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนและหลักทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี MSCI Emerging Markets Net TR และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90
และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ บิลเลียนแนร์ มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 14.12% (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2560 ) มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี iBillionaire Index และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90
นอกจากนี้ทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว ยังได้มีการจ่ายเงินปันผลเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมาโดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (SCBS&P500) ในอัตรา 0.2902 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 8) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นตลาดเกิดใหม่ (SCBEMEQ) ในอัตรา 0.1086 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 3) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ บิลเลียนแนร์ (SCBBLN) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2559 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ในอัตรา 0.3287 บาทต่อหน่วย โดยมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2559 จำนวน 0.0510 บาทต่อหน่วย เหลือจ่ายงวดนี้ 0.2768 บาทต่อหน่วย (ครั้งที่ 2)
นายสมิทธ์ กล่าวว่า สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าจะมีความผันผวนมาเรื่องของการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจจะมีการสัญญาเกี่ยวกับการดำเนินการทางการเมืองและเกิดความล่าช้าในเรื่องของการออกกฏหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปด้านภาษีต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ มีความผันผวนในระยะสั้นหรือชะลอตัวแต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ ดังที่เห็นได้จากตัวเลขทางเศรษฐกิจล่าสุดที่ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ และผลประกอบการบริษัทโดยรวมยังมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในแง่ของ valuation (ขอภาษาไทย) ความแตกต่างในการเติบโตของสหรัฐฯและยุโรปก็ลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่การเติบโตของสหรัฐฯ ได้ถูกสะท้อนในราคาไปในระดับหนึ่งแล้ว
ส่วนตลาดหุ้นเกิดใหม่มองว่า ตลอดระยะเวลา 6-7 เดือนที่ผ่านมานั้น กลุ่มตลาดเกิดใหม่ให้ผลตอบแทนอย่างโดดเด่นโดยได้รับแรงหนุนจากการที่เศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวอย่างชัดเจน และยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นนักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากตลาดได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานแล้ว ประกอบกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการลดขนาดงบดุลของ FED อาจส่งผลให้เกิดภาวะเงินทุนไหลออกจากกลุ่มประเทศเกิดใหม่ได้ในระยะยาว แต่ทำให้ยังมีโอกาสในการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ถึงแม้จะมีความเสี่ยง จากนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งอาจทำให้เม็ดเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่กลับไปที่สหรัฐฯ กลุ่มที่น่าสนใจ คือ กลุ่มที่ยังได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มตลาดหุ้นเกิดใหม่ เช่น หุ้นที่เกี่ยวการบริโภค และ IT ทั้งนี้ ยังคงมีประเด็นความเสี่ยงที่จะเป็นผลลบต่อมุมมองตลาดหุ้นเกิดใหม่ต่างๆไม่ว่าจะเป็น ปัญหาหนี้ในจีน การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ การก่อการร้าย และความผันผวนของราคาน้ำมัน ก็อาศัยความจำเป็นที่จะต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด