กรุงเทพฯ--29 มิ.ย.--บลจ.กสิกรไทย
นายวิทวัส อัจฉริยวนิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 - 30 เมษายน 2560 ในอัตรา 0.1790 บาทต่อหน่วย โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 21 มิถุนายน 2560 และมีกำหนดจ่ายเงินในวันที่ 30 มิถุนายน 2560 รวมมูลค่าการจ่ายเงินปันผลกว่า 168.09 ล้านบาท
นายวิทวัสกล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน WHAPF ที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2553 เป็นต้นมา ซึ่งหากนับรวมการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย กองทุน WHAPF มีการจ่ายเงินปันผลแล้ว 25 ครั้ง เป็นอัตรารวมทั้งสิ้น 4.4311 บาทต่อหน่วย โดยสามารถคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ประมาณ 6.96% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการดำเนินงานในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ก.พ. 2560 – 30 เม.ย. 2560) กองทุนยังคงมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่าของอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานต่างๆ โดยในปัจจุบันกองทุน WHAPF ถือครองทรัพย์สินในโครงการรวมแล้วทั้งสิ้นจำนวน 17 โครงการ อาทิ โครงการคลังสินค้า Kao 1 , Kao 2 และ Kao 3, โครงการอาคารคลังสินค้า DKSH จำนวน 7 โครงการซึ่งตั้งอยู่ที่บางพลี บางปะอิน และบริเวณถนนบางนา-ตราด ก.ม.20, โครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA Mega Logistics Center บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.19 และโครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA Mega Logistics Center บริเวณ อ.พานทอง จ.ชลบุรี, โครงการ DSG 1, 2 และ 3 ในเขตประกอบการเหมราช จ.สระบุรี และยังมีโครงการโรงงานอีก 3 โครงการ คือ โครงการโรงงาน Primus และโครงการโรงงาน Ducati 1 และ 2 ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ระยอง
"สำหรับภาพรวมของธุรกิจคลังสินค้ายังคงมีการขยายตัวได้ดี โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 3.7% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 67,800 ล้านบาท (ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย) ส่วนแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจคลังสินค้าในปีนี้ บลจ.กสิกรไทยมองว่าจะยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่องเช่นกัน โดยได้รับอานิสงส์จากภาคการส่งออกของไทยที่ปรัปตัวดีขึ้น รวมถึงไปการขยายตัวของภาคโลจิสติกส์ ส่งผลให้ธุรกิจคลังสินค้าโดยเฉพาะคลังสินค้าประเภทพรีเมียม น่าจะขยายตัวโดดเด่นจากความต้องการของผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้น โดยตัวเลขอ้างอิงจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปี 2560 ธุรกิจคลังสินค้าทั้งหมดในภาพรวมน่าจะเติบโตอยู่ในช่วง 5.3% -7.6% หรือมีมูลค่าประมาณ 71,400-73,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าวจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กองทุนยังคงสามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอจากสัญญาเช่าระยะยาวได้" นายวิทวัสกล่าว
นายวิทวัสกล่าวเพิ่มเติมว่า ในเดือนกรกฎาคมนี้ กองทุน WHAPF จะมีการจัดประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ครั้งที่ 1/2560 เพื่อขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนพิจารณาเรื่องการแปลงสภาพของกองทุนเข้ารวมกับกองทรัสต์ WHART ซึ่งบลจ.กสิกรไทยมีความเห็นว่าการเข้าทำรายการในครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนในหลายประการ ด้วยเกณฑ์ต่างๆ ของกองทรัสต์ที่เปิดกว้างกว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ อาทิ การเพิ่มทุนเพื่อขยายขนาดกองทุน เพดานการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น โดยการประชุมจะมีขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคม 2560 เวลา 9.00 น. ณ ห้องแกรนด์ฟอร์จูน ชั้น 3 โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพฯ ฟอร์จูน
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน WHAPF ยังคงสามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จนกว่ากองทุนจะมีการแปลงสภาพ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com