กรุงเทพฯ--3 ก.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เผย ผู้ถือหุ้นไฟเขียวแตกพาร์ จาก 5 บาท เป็น 1 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในหุ้น และ ยังเป็นการกระจายหุ้นให้แก่นักลงทุนทั่วไปได้ทั่วถึง พร้อมอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้(Refinance) ลดต้นทุนการเงิน ด้านประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "วิเศษ จูงวัฒนา" คาดเทรดพาร์ใหม่ ภายในเดือน ก.ค.นี้ ยืนยันไตรมาส 2/60 เติบโตโดดเด่น ความต้องการใช้น้ำเพื่ออุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ผนวกกับโรงไฟฟ้า GHECO One กลับมาดำเนินงานเต็มไตรมาส
นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ได้มีมติให้บริษัทฯ ดำเนินการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นของ บริษัทฯ ที่ตราไว้ (Par Value) จากเดิมหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1บาท โดยทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เท่ากับ 3,825 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลง แต่จำนวนหุ้นสามัญของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นจาก 765 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท เป็น 3,825 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท พร้อมทั้งมีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้ (Refinance) ลดต้นทุนการเงิน ทั้งนี้คาดว่าจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ สำหรับรายละเอียดโครงสร้างหุ้นกู้ บริษัทฯ จะพิจารณาความเหมาะสม ทั้งสภาวะตลาด แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้แผนการออกหุ้นกู้ของบริษัทฯ เกิดประโยชน์มากที่สุด
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) กล่าวเพิ่มว่า บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายที่มูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ใหม่ได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ครั้งนี้ จะเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องและกระจายหุ้นของ WHAUP สู่นักลงทุนทุกกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น สำหรับภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2560 มั่นใจว่า มีการเติบโตตามแผนที่วางไว้ โรงไฟฟ้าGHECO One ซึ่งดำเนินการเพียง 54 วัน ในไตรมาส 1ที่ผ่านมากลับมาดำเนินงานเต็มไตรมาสในไตรมาสที่ 2 นอกจากนี้ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาบริษัทฯได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าอีก 1 แห่ง จากแผนที่จะเปิดในปีนี้ทั้งหมด 4 แห่ง
นอกจากนี้ ปริมาณความต้องการใช้น้ำและการบำบัดน้ำเสียรวมของกลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้าใหม่ภายในนิคมอุตสาหกรรมก็เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าปริมาณการขายน้ำเพื่ออุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียของบริษัทฯ รวมในปี 2560 จะสูงกว่าระดับ 100 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นประมาณ 20 ล้านลบ.ม. จากปีก่อนหน้า
ดังนั้น บริษัทฯ คาดว่ารายได้และส่วนแบ่งกำไรในส่วนของบริษัทฯ ในปี 2560 จะเติบโตกว่า 100% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรในส่วนของบริษัทฯ จำนวน 1,756 ล้านบาท