กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--กรมการค้าภายใน
กรมการค้าภายใน ระบุน้ำมันปรับราคาเพิ่มล่าสุด กระทบสินค้า 16 รายการ มีต้นทุนเพิ่มเกินร้อยละ 1 ส่วนสินค้าที่ผู้ประกอบการยื่นขอปรับราคาอีก 10 รายการ อยู่ระหว่างวิเคราะห์ผลกระทบพร้อมเตรียมพิจารณาอนมุติปรับเพิ่มราคาให้
ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในได้อนุมัติให้รายการสินค้าบางรายการได้ปรับราคาขึ้นไปแล้วจำนวน 5 รายการสินค้าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น นมผง ไม้อัด ปุ๋ยเคมี น้ำปลา และเยื่อกระดาษไปแล้ว
ล่าสุดราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอีกลิตรละ 30 สตางค์ มีผลตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมนั้น เท่าที่สำรวจผลกระทบต่อต้นทุนผลิตสินค้าของผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบเกินร้อยละ 1 มีอยู่จำนวน 16 รายการสินค้าเท่านั้น สำหรับกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนผลิตสินค้าจากปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและค่าเงินบาทอ่อนค่าลงจำนวนกว่า 10 รายการ ที่ขอปรับราคานั้น ขณะนี้กรมการค้าภายในอยู่ระหว่างพิจารณาและวิเคราะห์ผลกระทบทั้งหมดก่อนที่จะมีการประกาศให้ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม รายการสินค้าทั้ง 16 รายการสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอีก 30 สตางค์ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2543 ประกอบด้วย หมวกนิรภัยได้รับผลกระทบร้อยละ 1.14 หรือเพิ่มขึ้น 1.91 บาทต่อใบ น้ำมันหล่อลื่นได้รับผลกระทบร้อยละ 2.09 หรือเพิ่มขึ้น 63 สตางค์ น้ำซีอิ้วได้รับผลกระทบร้อยละ 1.62 หรือเพิ่มขึ้น 74 สตางค์ต่อขวด กาแฟผงสำเร็จรูปได้รับผลกระทบร้อยละ 1.36 หรือเพิ่มขึ้น 92 สตางค์ต่อขวด เครื่องผสมอาหารสำเร็จรูปได้รับผลกระทบร้อยละ 1.10 หรือเพิ่มขึ้น 0.03 บาท ต่อกล่อง น้ำมันพืช (ถั่วเหลือง) ได้รับผลกระทบร้อยละ 1.44 หรือเพิ่มขึ้น 42 สตางค์ต่อขวด
อาหารกึ่งสำเร็จรูปบรรจุภาชนะผนึกได้รับผลกระทบร้อยละ 2.15 หรือเพิ่มขึ้น 0.05 บาทต่อซอง ผงชูรสได้รับผลกระทบร้อยละ 2.19 หรือเพิ่มขึ้น 0.62 บาทต่อซอง ยารักษาโรคได้รับผลกระทบร้อยละ 1.70 หรือเพิ่มขึ้น 0.08 บาทต่อซอง กระดาษเช็ดหน้าได้รับผลกระทบร้อยละ 1.02 หรือเพิ่มขึ้น 0.22 บาทต่อกล่อง ยากำจัดยุงและแมลงได้รับผลกระทบร้อยละ 1.38 หรือเพิ่มขึ้น 0.49 บาทต่อกระป๋อง กระเบื้องคอนกรีตมุงหลังคาได้รับผลกระทบร้อยละ 3.80 หรือเพิ่มขึ้น 0.35 บาทต่อแผ่น ตะปูตอกไม้ได้รับผลกระทบร้อยละ 4.64 หรือเพิ่มขึ้น 11.01 บาทต่อลัง (18 กิโลกรัม) ปูนซีเมนต์ (ปอร์ตแลนด์) ได้รับผลกระทบร้อยละ 8.71 หรือเพิ่มขึ้น 193.23 บาทต่อตัน สายไฟฟ้าได้รับผลกระทบร้อยละ 1.29 หรือเพิ่มขึ้น 3.46 บาทต่อขด (100 เมตร) และหลอดไฟฟ้าได้รับผลกระทบร้อยละ 1 หรือเพิ่มขึ้น 0.31 บาทต่อหลอด
ส่วนกลุ่มสินค้าที่เหลือเช่น รถยนต์นั่ง รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน น้ำปลา นมผง นมสดยูเอสที (ชนิดจืด) นมข้นหวานแป้งสาลี น้ำซอสปรุงรส อหาหารกระป๋อง น้ำดื่มบริสุทธิ์ (ขวดพีอีที) น้ำส้มสายชู ผ้าอนามัย แชมพูซักฟอก ยาสีฟัน สบู่ กระดาษชำระ แป้งฝุ่นโรยตัว ไม้ขีดไฟ (600 กลัก) สังกะสี (ไม่ชุบสี) กระเบื้องใยหิน (ลอนคู่ขาว) ไม้อัดสลับชั้น นอกจากนี้ สีทาอาคาร (สีพลาสติก) อลูมิเนียมเส้นหน้าตัด (ไม่ชุบสี) เหล็กเส้น ท่อพี.วี.ซี.สีน้ำเงิน ถ่านไฟฉาย ยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืช ปุ๋ยเคมี แคลเซียมคาร์ไบด์ กระดาษบรู๊ฟ-นำเข้า และกระดาษบรู๊ฟในประเทศ เยื่อกระดาษ-เยื่อไม้ไผ่ เยื่อกระดาษ-เยื่อยูคาฯ เม็ดพลาสติกยังไม่ได้รับผลกระทบเกินร้อยละ 1
ถึงแม้บางรายการสินค้าดังกล่าวอยู่ในกลุ่มได้ปรับราคาจำหน่ายราคาจำหน่ายสินค้าไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตามแต่กรมการค้าภายในเห็นว่าจากตัวเลขผลกระทบในราคาน้ำมันครั้งนี้ยังไม่ถึงร้อยละ 1 จึงยังไม่ให้ปรับราคาเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด--จบ--
--นศ--