กรุงเทพฯ--7 ก.ค.--เอฟเอคิว
ในยุคที่สื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา การกดไลค์ กดแชร์ภาพคลิปวิดีโอบนอินเทอร์เน็ตช่วยให้ข่าวสารแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ภาพที่เรามักพบเห็นจนชินตาคือ ภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดจากการพฤติกรรมการขับขี่ โดยสาเหตุหลักๆ ที่เราทราบดีก็คือการขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนดและการขาดวินัยการขับขี่ หลายๆ ครั้งนำไปสู่การก่อเหตุทำร้ายร่างกายของคู่กรณีจนเป็นข่าวดัง ปัจจุบันกล้องติดรถยนต์ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญที่ผู้ขับขี่นำมาใช้บันทึกการเดินทางบนท้องถนน เพื่อใช้เป็นหลักฐานทางคดี ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้เล็งเห็นความสำคัญและอนุมัติคำสั่งให้บริษัทประกันวินาศภัยมอบส่วนลดเบี้ยประกันภัย 5-10% ในการรับประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท สำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และต้องติดตั้งกล้องไว้ตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย
สำหรับมือใหม่ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องของการขับรถที่ยังไม่ชำนาญมือหรือไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเลือกกล้อง และกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่า "รถเราต้องติดกล้องกี่ตัวดี" หรือ "ควรติดที่ตำแหน่งใดบ้าง" ซึ่งเราคงไม่ต้องติดเพื่อมอนิเตอร์ดูรอบคัน หรือหากจะติด 2 ตัวหน้าหลังก็สามารถทำได้ แต่อาจเกิดปัญหาสายไฟที่ต้องต่อไปที่กล้องในตำแหน่งหลังมีความยาวไม่เพียงพอ นอกจากรถยนต์ของคุณจะมีตำแหน่งปลั๊ก DC อยู่ที่ตอนหลัง วันนี้รู้ใจดอทคอมมีหลักพิจารณากล้องติดรถยนต์มาฝาก 4 ข้อ ดังนี้
1. หน้าจอแสดงผล มีด้วยกันหลากหลายขนาดตั้งแต่ 2.7 นิ้วขึ้นไป มาตรฐานทั่วไปแล้วจะแสดงผลในรูปแบบจอ LCD ซึ่งตัวเลนส์ควรเก็บภาพได้กว้างตั้งแต่ 140 องศาขึ้นไป จึงจะถือว่าครอบคลุมได้ใกล้เคียงกับการมองเห็นของมนุษย์ และสามารถบันทึกภาพในระบบ HD ดูภาพวิดีโอจากตัวกล้องได้ เพราะในบางรุ่นราคาถูกจะต้องถอดการ์ดไปดูกับคอมพิวเตอร์เท่านั้น และถ้าได้ระบบเชื่อมต่อแบบ HDMI หรือ High Definition Multimedia Interface ด้วยยิ่งดี นอกจากนี้หากใช้ TF card จะสะดวกที่สุด เพราะหาซื้อได้ง่าย มีหลายขนาดความจุ หากมีฟังก์ชั่นป้องกันการสั่นสะเทือน และความเร็วสมจริงตามตัวรถยนต์ได้ด้วยยิ่งดี
2. ราคา กล้องติดหน้ารถในปัจจุบันมีราคาเริ่มตั้งแต่หลักไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงหลักหลายพันบาท ทั้งนี้อยากให้ผู้ขับคำนึงถึงคุณสมบัติการใช้งาน ความคมชัดของภาพ การจับภาพใช้งานตอนกลางคืน เป็นเรื่องแรกๆ ส่วนราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพที่เราได้มาจะอยู่ระหว่าง 1,000 - 1,500 บาท
3. ที่สำคัญอีกอย่างคือ ขายึดกล้อง ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดคือบริเวณด้านหน้า ไม่ว่าจะเป็นกระจกหน้ารถด้านบน หรือต้องยึดกับคอนโซล (ข้อสังเกต: บางครั้งการจอดรถตากแดดนานๆ ความร้อนจะทำให้ยางยึดเกาะกล้องคลายตัวจนหลุดและตกลงมาได้รับความเสียหายได้ ดังนั้น จึงควรถอดเก็บให้พ้นแดดในขณะที่รถจอดอยู่)
4. ควรเลือกซื้อในร้านที่มีความน่าเชื่อถือ และมีการรับประกันหลังการขาย ผู้ใช้งานควรทดลองเปิด-ปิด หรือใช้ฟังก์ชั่นที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
จากข้อมูลของมูลนิธิเมาไม่ขับพบว่า ประเทศไทยมีรถเพียง 2 แสนคันที่ติดกล้องหน้ารถ คิดเป็น 15% จากจำนวนรถทั้งหมดกว่า 10 ล้านคัน ซึ่งถือว่ายังน้อยมาก เนื่องจากอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเวลา และในทุกสถานการณ์ ภาพจากกล้องนี้จะเป็นหลักฐานในชั้นศาล และช่วยให้เราสามารถเรียกร้องบริษัทประกันภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นการติดกล้องในรถยนต์จึงเปรียบได้กับการซื้อประกันภัยเพิ่มความสบายใจให้แก่ผู้ขับรถอีกทางหนึ่ง หากเราติดกล้องในรถควบคู่ไปกับการมีประกันภัยที่คอยดูแลให้ความปลอดภัยคุณ 2 เท่า อย่าง 'รู้ใจดอทคอม' ประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ที่มอบส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัย 5% ของเบี้ยสุทธิ สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภทที่มีระยะเวลาเริ่มต้นความคุ้มครอง ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. 2560 เป็นต้นไป "รักรถเต็มหัวใจ ให้ 'รู้ใจ' ดูแลรถคุณ" เพียงโทรหา Call Center ของรู้ใจดอทคอมที่เบอร์ 02-117-2222 หรือตรวจสอบราคาและซื้อกรมธรรม์ผ่านหน้าเว็บไซต์ www.roojai.com