กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.เออีซี ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3/60 ลุ้นแตะ 1,641 จุด แม้เจอแรงกดดันจากเฟดขึ้นดอกเบี้ย และยุโรปส่งสัญญาณลดปริมาณ QE ต่อเนื่อง บวกกับอัตราการขยายตัวของกำไรในตลาดหุ้นไทยน้อยลง เมื่อเทียบตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ส่งผลต่างชาติชะลอลงทุน แนะกลยุทธ์การลงทุนเน้นการเก็งกำไรหุ้นผลงานเด่น ชู BCH, MONO, PLANB, BR, TPCH, TSR, HARN
นายรณกฤต สารินวงศ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือAECS กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3/2560 มีโอกาสที่จะปรับไปแตะระดับ 1,641 จุดได้ แม้ว่าจะยังเจอแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เป็นครั้งที่สองในปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับ 1.25% โดยยังมีเป้าหมายในการขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้จะอยู่ที่ 1.50% แม้ว่าทุกอย่างจะมีแผนกำหนดการไว้แล้ว แต่การขึ้นดอกเบี้ยนี้จะกดดันเม็ดเงินลงทุนต่างชาติในการกระจายการลงทุนมายังภูมิภาคได้
ทั้งนี้ Fed ได้กำหนดให้มีการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ไปจนถึงปี 2561 มีเป้าหมาย 2.75% ซึ่งจะให้อัตราดอกเบี้ยในอเมริกาอาจสูงกว่าไทย และมีผลต่อการลดปริมาณเงินลงทุนในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะประเทศที่มีการขยายตัวไม่สูง และสิ่งที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ก็คือ การลดปริมาณ QE ของทั้ง FED และ ECB จะกดดันตลาดหุ้นภูมิภาคยิ่งขึ้น นอกจากนี้มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรปจะเริ่มประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งการลดปริมาณ QE
นอกจากนี้เมื่อประเมินโดยเปรียบเทียบตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยใช้อัตราการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นทั้งของปี2560-2561 พบว่าตลาดหุ้นไทยมีอัตราการขยายตัวที่ระดับ 14.8% อยู่ในลำดับที่ 9 จาก 12 อันดับ ซึ่งถือว่าการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยต่ำกว่าส่วนใหญ่ในภูมิภาค และเมื่อรวมอัตราตอบแทนเงินปันผล 2 ปีเข้าด้วยกัน ตลาดหุ้นไทยจะมีผลตอบแทนรวมที่ 6.15% อยู่ในลำดับ 7 จาก 12 อันดับ ถือว่ามีผลตอบแทนจูงใจปานกลาง ซึ่งจะมีผลต่อ Assets allocation ของนักลงทุนต่างประเทศให้กระจายน้ำหนักการลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้นไทยระดับปานกลางจึงทำให้คาดว่าระยะนี้ไปจนถึงสิ้นปีตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญภาวะซบเซา
ดังนั้นจึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเน้นการเก็งกำไร จนกระทั่งตลาดให้ผลตอบแทนสูงกว่านี้จึงค่อยเริ่มเข้าลงทุนจริงจังครั้งใหม่ โดยแนะนำหุ้นเด่นในไตรมาส 3/60 อาทิหุ้น BCH ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท ซึ่งเป็นหุ้นโรงพยาบาลเอกชนที่มีผู้ประกันตนราว 7.8 แสนคน สูงสุดในไทย (มีสัดส่วนรายได้ SC 35%) และยังรับผู้ป่วยโรคร้ายแรงที่ส่งต่อจากสถานพยาบาลอื่นได้ในฐานะ Supra Contractor จึงมองเกิดการประหยัดหลังบอร์ดประกันสังคมประกาศปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัวและโรคที่มีภาระเสี่ยงสูงซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 60 หนุนให้ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง 60 คาดมาร์จิ้นจะดีขึ้น เมื่อบวกกับ ตั้งแต่ มิ.ย.-ก.ย. จะมี รพ.ในเครือ 4 แห่งที่รีโนเวตเสร็จทยอยเปิดบริการ และ WMP คาดมีผลดำเนินงานที่ดีขึ้นตามลำดับ จึงคาดปี 2560-2561 BCH จะมีกำไรสุทธิโตเฉลี่ยปีละ 18.2% สร้างสถิติกำไรสูงสุดต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 17.6% จากมูลค่าพื้นฐาน และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปีนี้หุ้นละ 0.21 คิดเป็นDiv. Yield 1.5%
รองลงมา หุ้น MONO ผู้สร้างทางเลือกใหม่สำหรับฟรีทีวี MONO ยังคงโดดเด่นด้วยธุรกิจดิจิตอลที่วีช่องMONO29 ที่มี Content แข็งแกร่ง (ภาพยนตร์และซี่รีย์ดังจากพันธมิตรต่างประเทศ) ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนจาก Avg. TV Rating เดือน พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น3.3% หนุนแนวโน้มค่าโฆษณาของช่อง MONO29 มีโอกาสปรับสูงขึ้นได้อีก จากสิ้นไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 25,000 บาท/นาที เนื่องจากปัจจุบัน CPRP ของช่องยังอยู่ในระดับต่ำถ้าเทียบกับคู่แข่งที่มี Rating ใกล้เคียงกัน และทำให้คาด MONO จะเริ่มพลิกกลับมามีกำไรสุทธิราว 327 ล้านบาทในปี 60 และโตต่อ 34.9% จากปีก่อน ในปี 61 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside13.0% จึงแนะนำ "ซื้อ"
หุ้น PLANB ผู้ให้บริการสื่อนอกบ้าน (OOH) ครบวงจร ที่มีพื้นที่โฆษณาหลากหลายและครอบคลุมพื้นที่กว่า300 แห่งทั่วประเทศ โดยปี 60 คาดกำไรโตเด่น 63.9% สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาในช่วง 5 เดือน ที่สดใส บวกกับแผนเพิ่ม Media Capacity ในกลุ่มประเทศ AEC ที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ได้เซ็น MOUร่วมทุนกับพันธมิตรจัดตั้งบริษัทให้บริการสื่อนอกบ้านในลาว หนุนรายได้จาก ตปท. โตสดใส ขณะที่ราคาหุ้นมีUpside 18.4% จากมูลค่าพื้นฐาน
หุ้น BR ผู้นำในธุรกิจผลิตอาหารจากเนื้อเป็ดแบบครบวงจร โดยดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและผลิตอาหารจากเนื้อเป็ดที่มีคุณภาพในระดับพรีเมี่ยม โดยคาดปี 60 กำไรสุทธิโต 124.3% จากการขยายกำลังการผลิตในเนเธอร์แลนด์เพิ่มเป็น 9 ล้านตัว/ปี จากเดิม 5 ล้านตัว/ปี เพราะการรวม Supply Chain และ เครื่องจักร กับ VSE ที่เลิกกิจการในช่วงไตรมาส 4/59 และแผนเพิ่มสินค้าใหม่ Ready to Eat (ธุรกิจมาร์จิ้นสูง) คาดเริ่มผลิตและจำหน่าย ช่วงครึ่งหลังปี 60 มี Upside 16.8% จากราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus ที่ 8.0 บาท และคาด Div. Yield ปีนี้ 3.8%
หุ้น TPCH ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากชีวมวลในภาคใต้ มีกำลังผลิตติดตั้งทั้งหมด 141MWและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วจำนวน 4 โรงกำลังผลิตรวม 39.6MW โดยปี 2560 คาดกำไรสุทธิโต 89.1%ด้วยแรงหนุนจากการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 4 โรง บวกกับการ COD โรงไฟฟ้า ชีวมวลเพิ่มอีก 2 โรงในช่วง 2H60 คือ PGP (9.9MW) และ SGP (9.9MW) ทำให้ในปี 2560 นี้บริษัทมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ COD แล้วทั้งสิ้น 6โรง กำลังผลิตรวม 59.4MW อีกทั้งยังมี Upside Risk จากโอกาสในการเข้าร่วมประมูลโครงการ SPP Hybrid Firm (300MW) และ VSPP Semi Firm (289MW) ซึ่งต้องติดตามความชัดเจนจากทางกกพ.ในเรื่องการเปิดประมูลในช่วง2H60 ปัจจุบันมี Upside 23.9% จากราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus ที่ 22.80 บาท และคาด Div. Yield ปีนี้ 1.23%
หุ้น TSR จัดเป็นผู้นำในการขายเครื่องกรองน้ำที่แตกไลน์ธุรกิจมาขายเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้ด้วยแผนเสริมทัพด้วยบุคลากรด้านการขาย ทั้งพนักงานขายทางโทรศัพท์, ตัวแทนขาย และสาขา (เพิ่มอีก 5 สาขา เป็น 25 สาขา และ 3ศูนย์บริการ) บวกกับ ค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญที่เริ่มเข้าสู่ระดับปกติ หลังบริษัทประสบความสำเร็จในการคุมเข้มนโยบายขายเชื่อ อีกทั้งยังมีแผนเพิ่มช่องทางขายผ่านสื่อออนไลน์ ภายใต้โครงการผ่อนสบาย เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคที่ไม่มีบัตรเครดิต พร้อมกับแผนรุกตลาดประเทศลาวด้วยเครื่องกรองน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้า จึงทำให้คาด ปี2560 TSR จะมีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาท พลิกกลับมาโตเด่น 111.4% อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 22.3% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2560 ที่ 5.70 บาท (อิง PER 22 เท่า ที่ Fully diluted EPS จากการใช้สิทธิ์ TSR-W1) และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 2.4%
หุ้น HARN ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญการให้บริการ Solution ในงานระบบดับเพลิง ระบบทำความเย็น และระบบพิมพ์ดิจิทัล โดยช่วง 4Q59 ได้เข้าทำการซื้อกิจการทั้งหมดของ บจ. ชิลแมทช์ (CM) รวมถึงการเข้าซื้อ บจ. คิว ทู เอส (QIIS) ซึ่งเป็นบ.ย่อยของ CM (ถือ 100%) หนุนให้ปีนี้จะเป็นปีแรกที่รับรู้รายได้และกำไรจากบริษัทย่อยแบบเต็มปี อีกทั้งดีลนี้ยังช่วยสร้างพลังแห่ง Synergy หลังปรับโครงสร้างธุรกิจอีกด้วย ได้แก่ 1) เพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้าด้วยการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลลูกค้าระหว่างกัน และ 2) ลดค่าใช้จ่ายบางส่วนจากการใช้ทรัพยากรร่วมกัน อีกทั้งบริษัทมีแผนเพิ่มสินค้านวัตกรรมเพื่อกระตุ้นรายได้รวม พร้อมกับมีแผนเจาะตลาด CLM จึงทำให้คาดปี 2560 HARN จะมีกำไรสุทธิ110 ล้านบาท โตเด่น 171.6% มี Upside 22.6% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2560 ที่ 3.80 บาท (อิง PER 20 เท่า ที่ Fully diluted EPS จากการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อซื้อกิจการ และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 4.6%