กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--ออพติมอล คอมมิวนิเคชั่นส์
เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต ชี้ตลาดเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยโลกในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่าทะลุ 100 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ผลจากเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นทั่วโลก ประกอบกับความต้องการด้านความปลอดภัยที่สูงขึ้น คาดตลาดไทยโตตามตลาดโลก โดยมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 3.5 พันล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการนำเทคโนโลยีความปลอดภัยไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ อาทิ การพัฒนาเมืองอัจฉริยะควบคู่ความปลอดภัย เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐ พร้อมเตรียมจัดแสดงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยสุดล้ำในงาน Secutech Thailand 2017 นำโดย เอช ไอ พี โกลบอล และ ฮันวา เทควิน
มิส เวโรนิก้า เฉิน ผู้จัดการกลุ่ม บริษัท เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต นิว เอร่า บิสิเนส มีเดีย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีระบบการรักษาความปลอดภัยเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของคนทั่วโลก เพื่อทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในประเทศ ที่พักอาศัย ยานพาหนะ สถานที่ทำงานของภาครัฐและเอกชน ครอบคลุมถึงชีวิตและทรัพย์สิน และยังพัฒนาเป็นระบบป้องกันภัยทางธรรมชาติ ด้วยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดอุปกรณ์และโซลูชั่นด้านระบบรักษาความปลอดภัยมีทิศทางและแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงในภูมิภาคเอเชียและประเทศไทย จากข้อมูลไอดีซี (IDC) มีการคาดการณ์รายได้ทั่วโลกของเทคโนโลยีความปลอดภัยจะเกิน 100 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2563 โดยตลาดการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 69.63 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2560 เป็น 112.43 พันล้านเหรียญสหรัฐฯภายในปี 2564 โดยมีอัตราการเติบโตของ CAGR อยู่ที่ 10.1% ในช่วงปี 2559 ถึง 2564
ขณะที่ตลาดโซลูชั่นและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยของไทยปีนี้ คาดว่ามีมูลค่าประมาณ 3.5 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น 10-12% ในปี 2561 สำหรับปัจจัยในการขับเคลื่อนการเติบโตของตลาด เนื่องจากมีเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นผู้คนจึงต้องการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การติดตั้งกล้อง CCTV เพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอในการดำเนินชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเฝ้าระวังและตรวจจับด้วยวิดีโอ ที่สามารถเรียกดูข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้มั่นใจว่าเกิดความปลอดภัยสูงสุด การติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการสาธารณูปโภคและโครงการขนส่งสาธารณะขนาดใหญ่ รวมไปถึงการนำโซลูชั่นด้านระบบรักษาความปลอดภัยไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจแขนงต่างๆ อาทิ ระบบค้าปลีกอัจฉริยะ ระบบอาคารอัจฉริยะ ระบบคมนาคมอัจฉริยะ และการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของ IoT (Internet of Thing) ขณะที่การพัฒนาเมืองอัจฉริยะควบคู่ความปลอดภัย เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐ ก็เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของตลาดนี้ ซึ่งมองว่า ความเป็นเมืองอัจฉริยะ(smart city) จะต้องประกอบไปด้วย ระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ระบบการจัดการจราจรที่ดี และการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในกระบวนการก่อสร้าง เพื่อรองรับประชากรในเมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายโทนี่ หยาง ประธานกรรมการ บริษัท เอช ไอ พี โกลบอล จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยนั้น มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญในตลาดการรักษาความปลอดภัยมาเป็นระยะเวลากว่า 15 ปี เนื่องจากมองว่าสังคมในปัจจุบันมีความต้องการด้านความปลอดภัยสูง โดยเป็นผู้บุกเบิกตลาดการสแกน
ลายนิ้วมือภายใต้แบรนด์ HIP ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบรักษาความปลอดภัยมากกว่า 1,500 รายการ มีลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมากกว่า 2,000 ราย และมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 60 % ในตลาดเกี่ยวกับระบบความปลอดภัย โดยให้บริการแบบ One Stop service และมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยครบครัน อาทิ Fingerprint, face scan, Car park, Folding gate, Suspension gate, Turnstile, Flip gate, RFID, Access control Hotel lock, Guard Tour รองรับโครงการทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังให้บริการการทำธุรกิจแบบ OEM , ODM หรือการทำธุรกิจในรูปแบบอื่น เพื่อสร้างความเติบโตในธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบจงจร สำหรับในตลาดต่างประเทศมีฐานลูกค้า ทั้ง สหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง อินเดีย ตุรกี อาเจนติน่า สเปน พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และซาอุดิอาระเบีย พร้อมวางเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังแถบทวีปอเมริกาและทวีปยุโรป ภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี
นายสุเมธ ศิริสันติสัมฤทธิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฮันวา เทควิน จำกัด (Hanwha Techwin) กล่าวว่า เทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้น บริษัทฯ ในฐานะผู้พัฒนาโซลูชั่นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย มีผลิตภัณฑ์ระบบกล้องวงจรปิดทั้งระบบอนาล็อคและไอพี เน็ตเวิร์ก(IP network) ได้แก่ WISENT HD กล้องวงจรปิดระบบ อนาล็อคความละเอียดสูง 2 ล้านพิกเซล และ WISNET Q, X, P Series กล้องวงจรปิดระบบไอพี เน็ตเวิร์ค ความละเอียดสูง 2 ล้านพิกเซลไปจนถึงคุณภาพระดับ 4K ทางบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ทุกระดับความต้องการและโซลูชั่นที่พร้อมรองรับได้ทุกกลุ่มตลาด
สำหรับในปีนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายทางการตลาดเพิ่มขึ้น ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ และคิดเป็นมูลค่าประมาณ 210 ล้านบาท โดยจะเน้นเรื่องโซลูชั่นที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับฐานลูกค้าหลัก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจค้าปลีก(Retail) โดยจะเน้นเรื่อง Smart Retail Solution และ Business Video Analytics เช่น Heatmap, Counting people และ Queue Management ที่จะช่วยลูกค้าเรื่องการบันทึกข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการตลาดและส่งเสริมการขาย พร้อมทั่งระบบบันทึกภาพเพื่อเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยได้ในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาสินค้าและโซลูชั่นใหม่ๆเพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มธุรกิจหลักขนาดใหญ่ให้กว้างขึ้น ได้แก่ ธุรกิจขนส่ง (Transportation) และกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม (Industrial) ทั้งนี้บริษัทฯ มุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์แบรนด์ WISENET ที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับและมีมาตรฐานสากล
มิส เวโรนิก้า เฉิน ผู้จัดการกลุ่ม บริษัท เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต นิว เอร่า บิสิเนส มีเดีย จำกัด กล่าวเสริมปิดท้ายว่า บริษัท เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต นิว เอร่า บิสิเนส มีเดีย จำกัด และ บริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี. จำกัดได้ร่วมกับพันธมิตรเตรียมจัดงาน Secutech Thailand 2017 (ซีเคียวเทค ไทยแลนด์) งานเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย ป้องกันอัคคีภัย และสมาร์ทโฮมแห่งอาเซียน โดยปีนี้จะโชว์เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยใหม่ๆ รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นส์ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ อาทิ สมาร์ทซิตี้ สมาร์ทรีเทล สมาร์ททรานสปอร์ตเตชั่น สำหรับงาน Secutech Thailand 2017 จะจัดขึ้นพร้อมกับงาน Thailand Lighting Fair 2017 และ Thailand Building Fair 2017 ภายใต้แนวคิด Smart City Safe City ระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2560 ณ ไบเทค บางนา