กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) 27 จังหวัด 108 อำเภอ 555 ตำบล 3,892 หมู่บ้าน ส่วนสถานการณ์น้ำไหลหลากในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท และจันทบุรี ปัจจุบันคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองต่อเนื่องและฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออก ปภ. จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าว เตรียมพร้อมรับมือ ป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัยจากฝนตกหนักและปริมาณฝนสะสมในระยะนี้
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากภาวะฝนตกหนักในช่วงวันที่ 16 พฤษภาคม - 15 มิถุนายน 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมในหลายพื้นที่ โดยมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) 27 จังหวัด 108 อำเภอ 555 ตำบล 3,892 หมู่บ้าน ได้แก่ พะเยา พิษณุโลก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร สุโขทัย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน นครสวรรค์ พิจิตร ตาก เชียงราย อุดรธานี เลย ขอนแก่น ร้อยเอ็ด นครราชสีมา สุพรรณบุรี สระบุรี นครปฐม ลพบุรี ชลบุรี ตราด สระแก้ว นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และระนอง สำหรับสถานการณ์ฝนหนักในช่วงวันที่ 5 – 6 กรกฎาคม 2560 ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากท่วมขังในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท และจันทบุรี รวม 7 อำเภอ 23 ตำบล 71 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองต่อเนื่องและฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออก ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าว เตรียมพร้อมรับมือ ป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัยจากฝนตกหนักและปริมาณฝนสะสมในระยะนี้ โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือ โดยด่วนต่อไป