กรุงเทพฯ--14 ก.ค.--เอพีพีอาร์ มีเดีย
รายงาน 2020 Legacy of Good ฉบับบูรณาการฉบับแรก หลอมรวมความริเริ่มด้านซีเอสอาร์ของเดลล์ และอีเอ็มซี เข้าด้วยกัน มุ่งสู่การยกระดับความก้าวหน้าของมนุษย์
บริษัทฯ ขยายขอบเขต พร้อมเสนอโอกาสมากขึ้นในการคิดค้นนวัตกรรมในนามของประชาชนและโลกใบนี้
รายงานตอกย้ำคำมั่นสัญญาของเดลล์ที่มีต่อซัพพลายเชน
เดลล์ อิงค์ รายงานการอัพเดต 2020 Legacy of Good เป็นครั้งแรกโดยแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จด้านซีเอสอาร์หลักๆ ของทั้งสองบริษัทหลัง การควบกิจการระหว่างเดลล์และอีเอ็มซี โดยแผนงานแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นระยะยาวของเดลล์ที่มีต่อสังคม สมาชิกของทีม และสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ผลจากการควบรวมกิจการ ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายสายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ผสานรวมสมาชิกของทีมเข้าด้วยกันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมทรัพยากรที่มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายของโลกที่ทวีความกดดันมากสุด ทั้งนี้ รายงาน ยังสรุปให้เห็นถึงความมุ่งมั่นพยายามในปีงบประมาณ 2017 ที่ผ่านมา (1 กุมภาพันธ์ 2016 – 31 มกราคม 2017)
"การรวมกันระหว่างเดลล์ และอีเอ็มซี ในเดือนกันยายน 2016 ช่วยให้เรามีโอกาสสะท้อนถึงความก้าวหน้าของเราพร้อมทั้งกำหนดความมุ่งมั่นในประเด็นหลักที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองบริษัท" ทริซา ธอมพ์สัน Chief Responsibility Officer ของเดลล์ กล่าว "เราค้นพบพลังงานใหม่ในขณะที่คิดถึงโอกาสในการผสานรวมผลงานของทั้งสองบริษัทฯ เข้าด้วยกัน ทั้งความเชี่ยวชาญและทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้งานออกมาดี เรื่องนี้นับเป็นการกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งลูกค้าและโลกที่เราอยู่"
เดวิด เว็บสเตอร์ ประธาน ฝ่ายเอ็นเตอร์ไพร์ซประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เดลล์ อีเอ็มซี กล่าวเสริม "ในบริบทแวดล้อมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วบนโลก องค์กรธุรกิจต่างกำลังมองเรื่องการทำงานร่วมกับบริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งและพยายามทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้น เนื่องจากท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในธุรกิจมากขึ้น ทั้งลูกค้าและทีมงานของเราในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นต่างมองเห็นคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของรายงาน Legacy of Good ที่สาธิตให้เห็นว่าทุกคนสามารถก้าวไปบนวิสัยทัศน์เดียวกันเพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จทางธุรกิจ"
อมิต มิธา ประธานฝ่ายคอมเมอร์เชียลประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เดลล์ อีเอ็มซี ได้ให้ความเห็นว่า "ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นนับว่ามีบทบาทสำคัญในการสร้างพลังงานและนวัตกรรมที่มีส่วนสนับสนุนให้เกิดความก้าวหน้าในเรื่อง Legacy of Good โดยใช้ความสามารถของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพในการค้นหาโอกาสเพื่อทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคม ชุมชนและโลกของเรา เราเห็นตัวอย่างดีๆ มากมายที่แสดงให้เห็นว่าเราสามารถสร้างความแข็งแกร่งและใช้สิ่งนี้สร้างผลกระทบในเชิงบวกได้"
ทั้งเป้าหมายและแผนงานที่อัพเดตล้วนสะท้อนให้เห็นถึงการที่เดลล์และอีเอ็มซี ร่วมด้วยช่วยกันแบ่งปันความมุ่งมั่นที่มีต่อผู้คนและโลกใบนี้ ตัวอย่างเช่น สองบริษัทรวมกันได้ลงทุนเพิ่มในเรื่องการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) ให้กับเยาวชนที่ด้อยโอกาส นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ขยายการเป็นพันธมิตรร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ (UTS) เป็นปีที่สามเพื่อส่งเสริมถึงความสำคัญของการศึกษา STEM ผ่านโปรแกรมการเป็นพี่เลี้ยง (Mentoring Program) และการมอบทุนการศึกษา
เพื่อเป็นการช่วยปลูกฝังวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม เดลล์ได้ขยายโปรแกรมการทำงานที่ยืดหยุ่นให้กับสมาชิกที่เป็นทีมงานดั้งเดิมของ อีเอ็มซี พร้อมมอบข้อเสนอในเรื่อง employee resource groups มากขึ้นเพื่อเชื่อมโยงสมาชิกทีมให้ร่วมแบ่งปันความสนใจ ไลฟสไตล์ ความแตกต่างด้านเพศ วิถีทางเพศ ชาติพันธุ์ และพื้นฐานที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่ม และในฐานะที่รวมเป็นบริษัทเดียวกัน เดลล์ ได้บรรลุในส่วนของกฏหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนอเมริกัน เกี่ยวกับคำปฏิญาณด้านภูมิอากาศ ด้วยการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้นเพื่อทดแทนการปลดปล่อยคาร์บอนและฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติรอบโลก ท้ายที่สุดคือรายงานของปีนี้ได้รวมเป้าหมายที่เพิ่มเติมเข้ามาซึ่งอุทิศในเรื่องของการผลักดันให้เกิดความโปร่งใส ความรับผิดชอบและการปรับปรุงซัพพลายเชนของเดลล์ในทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
แผนงานแรกเริ่ม ได้มีการพัฒนาขึ้นระหว่างปีงบประมาณ 2014 ของเดลล์ (วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2013 – วันที่ 31 มกราคม 2014) การอัพเดต 2020 Legacy of Good เวอร์ชั่นปัจจุบันจะรวมเป้าหมายเดิม เป้าหมายที่มีการปรับเปลี่ยน รวมถึงเป้าหมายใหม่เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงโอกาส ขอบเขตที่เหมาะสม และความเชี่ยวชาญขององค์กรที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน รายงานยังได้เน้นให้เห็นถึงประเด็นต่อไปนี้
ด้านชุมชน
เดลล์ได้นำเสนอเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญให้กับเด็กที่ด้อยโอกาสจำนวน 2.3 ล้านคนโดยตรง และประชาชนอีกกว่า 10 ล้านคนในทางอ้อมผ่านโปรแกรมในเชิงกลยุทธ์ ซึ่งบรรลุ 59 เปอร์เซ็นต์ของเป้าหมายเดลล์ในการสร้างผลกระทบโดยตรง และ 84 เปอร์เซ็นต์สำหรับเป้าหมายในทางอ้อม
ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2014 เรื่อยมา พนักงานของเดลล์ ได้ใช้เวลากว่า 3.3 ล้านชั่วโมงในการให้บริการชุมชนในพื้นที่ที่ตัวเองทำงานและอาศัยอยู่ โดยเป้าหมายของเดลล์ก็คือการให้ชั่วโมงการบริการรวมกันให้ได้ 5 ล้านชั่วโมงภายในปี 2020
ทั้งพันธมิตร เงินกองทุน และเทคโนโลยีของเดลล์ ช่วยให้ TGen สามารถเร่งระยะเวลาพร้อมทั้งปรับปรุงแผนการดูแลผู้ป่วยจากโรคมะเร็งได้ การทำงานร่วมกับเดลล์ ทำให้ประสิทธิภาพด้านสตอเรจและการประมวลผลเพิ่มขึ้น ช่วยลดเวลาในการลำดับยีนที่เป็นพันธุกรรมจากที่เคยใช้หลายสัปดาห์ เหลือเพียงแค่ 6 ชั่วโมง โดยมีการบันทึกชั่วโมงการประมวลผลมากกว่า 1 ล้านชั่วโมงต่อเดือน
กิจกรรมแรกสำหรับเดลล์ อีเอ็มซี ในประเทศญี่ปุ่นมุ่งเป้าไปที่การสนับสนุน หนึ่งในหกของเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ขาดแคลน โดยสมาชิกทีมจะบริจาคหนังสือเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนให้กับองค์กรการกุศลของญี่ปุ่น
ด้านผู้คน
เดลล์ เสนอให้กลุ่ม ERGs (Employee Resource Groups) ที่แตกต่างกันถึง 14 กลุ่มช่วยปลูกฝังวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม โดยในเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมาคือในปี 2016 มี 23 เปอร์เซ็นต์ของสมาชิกทีมทั้งหมดได้เข้าร่วมกลุ่มดังกล่าว ความภาคภูมิใจคือกลุ่ม ERG ของเดลล์ สำหรับสมาชิกทีมและพันธมิตรที่เป็นเลสเบียน เกย์ ไบเซ็กชวล และข้ามเพศ เป็นหนึ่งในกลุ่ม ERG ที่โตเร็วที่สุด การเติบโตเร็วขนาดนี้มากจากกลุ่มใหม่ๆ ทั้งในทวีปเอเชีย ลาตินอเมริกา หรือในพื้นที่ซึ่งเรื่องของ LGBT ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นเอง เดลล์ได้มีการเปิดตัว Sydney Chapter of Pride Employee Resource Group ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ในภูมิภาค โดยความสำเร็จดังกล่าวยังนำไปสู่การเปิด Remote Chapter กลุ่มที่มาจากสถานที่ไกลๆ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มอื่นในภาคพื้นที่อยู่นอกประเทศออสเตรเลียได้ในทันที
เดลล์ ยังได้มีการขยายโปรแกรมการทำงานที่ยืดหยุ่นออกไปอีกให้กับสมาชิกเดลล์ อีเอ็มซี ด้วยการสนับสนุนพนักงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ให้ทำงานจากที่ไหนก็ได้ วิธีใดก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานกลุ่มนี้ได้ โดยเป้าหมายของเดลล์คือการเพิ่มการมีส่วนร่วมในโกลบอลให้เป็น 50 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2020
เดลล์ ยังคงได้รับการยอมรับว่าเป็น Employer of Choice โดยได้รับรางวัลในกว่า 20 ประเทศ โดยในเดือนธันวาคม 2016 เดลล์ได้มีการเปิดตัวผลสำรวจในนามร่วมของสองบริษัท ซึ่งได้ผลลัพธ์ในแง่บวก โดย 82 เปอร์เซ็นต์ของสมาชิกทีมกล่าวว่าตนรู้สึกว่าได้รับแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นอัตราสูงเกินเป้าหมายที่กำหนดอยู่ที่ 75 เปอร์เซ็นต์
อาสาสมัครกว่า 40 คนจากเดลล์ อีเอ็มซี ในประเทศอินเดีย ทำหน้าที่เป็นทีมพี่เลี้ยงที่งานแฮกกาธอน (Hackathon) ที่ใหญ่ที่สุดของโลกคือ Smart India Hackathon 2017 จัดขึ้นโดยกระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของอินเดีย ในงานมีนักเรียนจำนวน 32,000 คนทำงานในการแก้ปัญหา 600 ข้อซึ่งมาจากรัฐบาลอินเดีย โดยผู้ที่ชนะอันดับหนึ่งและสองจะเข้าไปร่วมทีมที่มีวิศวกรจากเดลล์เป็นพี่เลี้ยง
ด้านสิ่งแวดล้อม
เดลล์ได้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้แรกเริ่มสำหรับปี 2020 ในการใช้วัสดุที่ให้ความยั่งยืนปริมาณ 50 ล้านปอนด์ ในผลิตภัณฑ์ และได้มีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการใช้พลาสติกรีไซเคิลและวัสดุที่ให้ความยั่งยืนในปริมาณ 100 ล้านปอนด์แทน
เดลล์ เริ่มส่งแพ็คเกจของผลิตภัณฑ์ XPS 13 2-in-1 ที่ทำจากพลาสติกในมหาสมุทรอีกทั้งยังให้ คำมั่นสัญญาต่อสาธารณชน ว่าจะเพิ่มจำนวนการใช้วัสดุรีไซเคิลดังกล่าวมากขึ้น 10 เท่าในแต่ละปีให้ได้ภายในปี 2025 รวมถึงเปิดเผยแหล่งทรัพยากรด้านซับพลายเชนของเดลล์ เพื่อกระตุ้นให้บริษัทอื่นๆ ได้มีการนำพลาสติกจากมหาสมุทรมาใช้กันอย่างกว้างขวาง
เดลล์ ได้นำวัสดุอิเล็กทรอนิกส์คิดเป็นนำหนัก 1.8 พันล้านปอนด์ กลับมาใช้อีก พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายสำหรับปี 2020 ที่ต้องการนำวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้วมารีไซเคิลคิดเป็นน้ำหนัก 2 พันล้านปอนด์ ภายในปี 2020 ซึ่งตอนนี้นับว่ามาไกลถึง 88 เปอร์เซ็นต์ของเป้าที่กำหนด
เดลล์เปิดโอกาสให้สมาชิกทีมได้เลือกปลูกต้นไม้ที่ไหนก็ได้เพื่อเป็นการรำลึกถึงวันแรกที่ควบรวมบริษัทเข้าด้วยกัน โดยพนักงานกว่า 41,000 คนได้เข้าร่วมโครงการนี้และเดลล์ก็ได้เพิ่มจำนวนต้นไม้เข้ามาคิดเป็นจำนวนต้นไม้ที่ปลูกมากถึงกว่า 140,000 ต้น ทั้งนี้สมาชิกหลายคนเลือกปลูกต้นไม้ในประเทศอินโดนีเซีย (ในพื้นที่ที่สนับสนุนถิ่นที่อยู่อาศัยของเสือมาเลย์) ผ่านทาง WWF
ด้านซัพพลายเชน
เดลล์ ได้ขยายความโปร่งใสไปสู่การดำเนินงานในส่วนของซัพพลายเชน ผ่านรายงานประจำครึ่งปี Social and Environmental Responsibility (SER) Progress Report ซึ่งเป็นรายงานความก้าวหน้าในเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยอธิบายให้เห็นถึงศักยภาพด้านซัพพลายเชนตามการตรวจสอบและความริเริ่มอื่นๆ ที่สอดคล้องต่อข้อกำหนดจรรยาบรรณทางธุรกิจของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (EICC – Electronic Industry Citizenship Coalition)
นอกจากนี้ เดลล์ ยังได้แนะนำเป้าหมายย่อยอันใหม่ที่มุ่งเน้นการตรวจสอบตาม EICC รวมถึงการออกรายงานการปล่อยคาร์บอน และแผนงานในการลดความเสี่ยงน้ำ เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการดำเนินการเรื่องความรับผิดชอบในกลุ่มซัพพลายเออร์
ในส่วนของภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เดลล์ยังได้ให้การฝึกอบรมเรื่องการบริการจัดการร่วมกับซัพพลายเออร์ที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทไอทีชั้นนำอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ได้มีการสร้างการรับรู้และช่วยระบุกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์
ข้อมูลเพิ่มเติม
• Legacy of Good
• White paper of report alignment
• Social and Environmental Responsibility (SER) Progress Report
• Ocean Plastics
• The Net Positive Project
• Circular Economy