กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--แบรนด์ เวลท์
- ผู้นำอันดับ 1 ขนส่งทางอากาศ และ ขนส่งเคมีภัณฑ์ เผยรายได้ 2,075 ล้านบาท
- ขยายฐานธุรกิจรองรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ AEC เติบโตแรงและต่อเนื่อง
ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) โชว์จุดแข็ง ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่โดดเด่น ด้วยการนำของบริการด้านแอร์คาร์โก้ และ ขนส่งเคมีภัณฑ์ ดันกำไรสุทธิปีก่อนเติบโต 245%
คุณทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ (III) เปิดเผยว่าบริษัทฯ เป็นผู้นำในการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรซึ่งครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1.การขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight) 2.การขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก (Sea Freight and Inland Transport) 3.การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การบริหารคลังสินค้า และการกระจายสินค้า (Logistics Management) และ 4.โลจิสติกส์ครบวงจรสำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย (Chemical & Specialty Logistics) โดยบริษัทฯ ก่อตั้งมากว่า 25 ปี มีบริษัทในเครือทั้งหมด 24 บริษัท และมีฐานลูกค้าเป็นบริษัทมหาชน บริษัทข้ามชาติ และบริษัทไทยจำนวนมาก
"ทริพเพิล ไอ (III) มีจุดเด่น คือเราไม่เพียงให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร แต่เราเป็นผู้นำในตลาดที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ และการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรสำหรับสินค้าเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย โดยในธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนสายการบินชั้นนำหลายสาย อาทิ สายการบินไทยแอร์เอเชีย และ สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ในการขายระวางการขนส่งทางอากาศอย่างต่อเนื่องมากว่า 8 ปี ซึ่งทั้ง 2 สายการบินเป็นเจ้าตลาดการขนส่งแอร์คาร์โก้จากท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งมีการเติบโตสูงและต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดแอร์ คาร์โก้ จากท่าอากาศยานดอนเมืองสูงถึง 89% ในปี 2559 การให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศของบริษัทฯ ยังมีการขยายตัวอย่างสูง ทั้งในรูปแบบการขายระวางสินค้าแบบขายส่ง และการให้บริการคลังสินค้าในท่าอากาศยาน ทำให้ภาพรวมของอัตราการเติบโตของธุรกิจแอร์ คาร์โก้ เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 51% ในช่วง 2 ปีล่าสุด ทางด้านธุรกิจขนส่งเคมีภัณฑ์และวัตถุอันตราย บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเนื่องจากเราเป็นผู้ให้บริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การขายระวางการขนส่งสินค้าเคมี ทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก บริการคลังสินค้าเคมี บริการการกระจายสินค้า รวมถึงให้บริการบรรจุภัณฑ์ โดยตลาดเคมีภัณฑ์เป็นตลาดเฉพาะด้านที่มีมูลค่าสูง เพราะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จึงมีคู่แข่งน้อยราย ในขณะที่มีลูกค้าเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่จำนวนมาก จึงทำให้กลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าเคมีภัณฑ์มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ 15% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
สำหรับธุรกิจการขนส่งทางทะเลและทางบก บริษัทฯ ยังเป็นตัวแทนให้แก่ "ซีเค ไลน์" ซึ่งเป็นสายการเดินเรือชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังมีการร่วมทุนกับ "บริษัท เอ็คคู่ เวิร์ลไวด์ จำกัด" ผู้นำระดับโลกในการขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (LCL) รวมถึงมีการขยายการให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบก ในส่วนของธุรกิจการบริหารโลจิสติกส์สำหรับสินค้าทั่วไป บริษัทฯ มีศักยภาพการให้บริการด้านซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้แก่ผู้นำเข้าและผู้ส่งออก โดยมีบริการทั้งการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ครอบคลุมทั่วโลก การให้บริการคลังสินค้า การบริหารสินค้าคงคลัง ตลอดจนการกระจายสินค้าให้แก่ลูกค้าทั้ง B2B และ B2C ทั่วประเทศ
คุณวิรัช นอบน้อมธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) เปิดเผยว่า "ทริพเพิล ไอ มีผลประกอบการที่มีอัตราการเติบโตสูงและต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ยปีละ 35% คิดเป็น 2,075 ล้านบาทในปี 2559 จากรายได้รวม 1,542 ล้านบาทในปี 2558 และ 1,139 ล้านบาทในปี 2557 จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายระวางสินค้าและการให้บริการโลจิสติกส์ ในขณะที่กำไรสุทธิเติบโตในอัตราที่สูง 245% เป็น 94.5 ล้านบาท ในปี 2559 จากกำไรสุทธิ 27.4 ล้านบาทในปี 2558 และ 13.4 ล้านบาท ในปี 2557 และมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างโดดเด่น จากการบริหารจัดการรายได้และต้นทุนที่ดีขึ้น โดยอัตรากำไรสุทธิ (เน็ตมาร์จิ้น) เพิ่มขึ้นจาก 1.17% ในปี 2557 เป็น 4.50 % ในปี 2559 และสำหรับในไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมเติบโตขึ้น 17% เป็นรายได้รวม 535 ล้านบาท จากรายได้รวม 457 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีก่อน และ มีกำไรสุทธิเติบโตขึ้น 49% เป็นกำไรสุทธิ 40.3 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 27 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีก่อน ซึ่งกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปีนี้ คิดเป็น 43% ของกำไรสุทธิทั้งปีในปี 2559 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 46% และมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) สูงถึง 15.5% ในขณะที่มีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่ดีมาก (IBD/E) คือเพียง 0.3 เท่าเท่านั้น"
คุณทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นคำขออนุญาตเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยปัจจุบัน มีทุนจดทะเบียน 302.25 ล้านบาท และมีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 164,500,000 หุ้น (พาร์ 0.50 บาท/หุ้น) หรือคิดเป็นไม่เกิน 27% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ให้แก่นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายย่อยและพนักงานของบริษัท คาดว่าภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยปัจจุบัน กลุ่มผู้บริหารถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 94.2% และจะลดลงเหลือถือ หุ้น 68.6% ภายหลังการเพิ่มทุนด้วยการขายหุ้นไอพีโอซึ่งเป็นหุ้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งในการเพิ่มทุนครั้งนี้ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ ผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ ซึ่งจะใช้สัญลักษณ์ "III" ในการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
"บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายกิจการ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ และ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างต่อเนื่อง ด้วยแผนการลงทุนในโครงการใหม่กว่า 10 โครงการ ทั้งในธุรกิจขนส่งทางอากาศ อาทิ โครงการศูนย์ขนส่งสินค้าทางอากาศ (Airport Cargo Terminal) และในธุรกิจบริการ โลจิสติกส์เคมีภัณฑ์ ซึ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ตลอดจนถึงการลงทุนในธุรกิจการขนส่งทางบก เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาทภายในปีนี้และปีหน้า และด้วยแผนการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เกิดการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวนมาก การขยายตัวของเศรษฐกิจการค้าของประเทศในกลุ่มอาเซียน ตลอดจนการขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจ อี คอมเมิร์ซ ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น" คุณทิพย์กล่าวเสริม
คุณวิรัช มรกตกาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายวาณิชธนกิจ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ที่ปรีกษาทางด้านการเงินของ III กล่าวเสริมว่า "บมจ.ทริพเพิลไอโลจิสติกส์ (III) เป็นบริษัทที่มีจุดเด่นหลายด้าน คือ เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เติบโตสูง และ มีคู่แข่งน้อยราย คือ ธุรกิจขนส่งทางอากาศ และ โลจิสติกส์เคมีภัณฑ์ ที่สำคัญทีมผู้บริหารของบริษัทมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจโลจิสติกส์ระดับนานาชาติมากว่า 25 ปี และดำเนินธุรกิจด้วยทีมงานมืออาชีพ มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง มีระบบการทำงานที่เป็นมืออาชีพ ทำให้ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติซึ่งมีความมั่นคงทางการเงินสูง ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ มีสถานะการเงินที่เข้มแข็งมาก และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและพานิชย์"