กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
กรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมกับเครือข่ายสหกรณ์กระจายมังคุดสู่ตลาด หลังผลผลิตภาคตะวันออกและภาคใต้ออกมาพร้อมกันตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ราคามังคุดเริ่มปรับตัวลดลง ประสานความร่วมมือเครือข่ายสหกรณ์ภูมิภาคต่าง ๆ ร่วมกันกระจายมังคุดให้ถึงผู้บริโภค เพื่อระบายผลผลิตออกนอกพื้นที่ไม่ให้กระจุกตัว พร้อมเปิดจุดจำหน่ายในพื้นที่ส่วนราชการ ห้างสรรพสินค้า และบริเวณด้านหน้าของสหกรณ์ทั้งในส่วนภูมิภาคและในกรุงเทพฯ หวังบรรเทาปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ และขยายช่องทางจำหน่ายมังคุดของสหกรณ์ให้ถึงมือผู้บริโภคอย่างทั่วถึง
ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคามังคุดในภาคตะวันออกและภาคใต้ขณะนี้มีการปรับตัวลดลง เนื่องจากผลผลิตของทางภาคตะวันออกในปีนี้มีความล่าช้ากว่าปกติ ทำให้ผลผลิตออกมาพร้อมกันกับมังคุดในภาคใต้ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่เนื่องจากพ่อค้าที่รับซื้อมังคุดยังคงเปิดรับซื้ออยู่ในภาคตะวันออก ทำให้ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายแรงงานมายังภาคใต้ได้ ส่งผลให้ในภาคใต้ประสบปัญหาไม่มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อในพื้นที่ ซึ่งในส่วนของขบวนการสหกรณ์ ได้มีการเปิดจุดรับซื้อมังคุดมาอย่างต่อเนื่อง โดยสหกรณ์ในภาคตะวันออกรวบรวมและจำหน่ายมังคุดแล้วตั้งแต่ต้นฤดูกาลปริมาณ 19,873.04 ตัน ส่วนในภาคใต้ได้เริ่มรวบรวมมังคุดแล้วใน 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานี โดยได้รวบรวมแล้วเป็นปริมาณ 212.17 ตัน ซึ่งปริมาณมังคุดที่สหกรณ์ได้ดำเนินการรวบรวมแล้วทั้ง 2 ภาค มีปริมาณรวมทั้งสิ้น 20,085.21 ตัน จาก 15 สหกรณ์ โดยสหกรณ์ได้กระจายผลผลิตออกสู่ตลาดผ่านหลายช่องทาง อาทิ ห้างสรรพสินค้า ผู้ส่งออก คู่ค้าในประเทศ และผ่านทางเครือข่ายสหกรณ์
ทั้งนี้ สหกรณ์ในจังหวัดจันทบุรี 7 แห่ง ได้ร่วมกันวางแผนการบริหารจัดการรวมกลุ่มสมาชิกผู้ผลิตผลไม้คุณภาพ และประสานช่องทางการตลาดเพื่อกระจายผลผลิตให้กับผู้ส่งออกผลไม้ ห้างโมเดิร์นเทรด ตลาดในต่างจังหวัด และเครือข่ายสหกรณ์ในภาคต่าง ๆ จำนวน 17,951 ตัน ส่วนสหกรณ์ในจังหวัดระยอง มีเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนผลไม้คุณภาพเมืองบ้านค่าย และสหกรณ์การเกษตรบ้านน้ำเป็น จำกัด นำมังคุดมาบรรจุใส่กล่องส่งขายที่โรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง และเปิดจุดจำหน่ายในพื้นที่ส่วนราชการในจังหวัดระยองและตลาดพัทยา
ขณะที่จังหวัดตราด ปริมาณมังคุดในพื้นที่มีเพิ่มมากขึ้น ทางจังหวัดฯได้มีมาตรการในการช่วยเหลือโดยให้สหกรณ์ 3 แห่งรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรบ่อไร่ จำกัด สหกรณ์การเกษตรเขาสมิง จำกัด และสหกรณ์ส่งเสริมธุรกิจภาคเกษตรจังหวัดตราด จำกัด ปัจจุบันสหกรณ์ทั้ง 3 แห่ง ได้เปิดจุดรับซื้อตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2560 เพื่อส่งออกไปยังประเทศกัมพูชา เวียดนาม และยังส่งไปจำหน่ายที่จังหวัดเชียงราย และยังเก็บมังคุดส่วนหนึ่งเตรียมไว้แปรรูปเพื่อส่งออกไปประเทศจีนด้วย ขณะที่ทางสหกรณ์การเกษตรบ้านน้ำเป็น จำกัด ได้รวบรวมมังคุดจำหน่ายให้ห้างสรรพสินค้าและพ่อค้าปลีกทั่วไปแล้ว จำนวน 50 ตัน
ส่วนสหกรณ์ในภาคใต้ สหกรณ์ร่วมใจบริการ จำกัด จังหวัดชุมพร ได้รวบรวมมังคุดและส่งกระจายผ่านทางเครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดต่าง ๆ จำนวน 6แห่ง ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด จังหวัดร้อยเอ็ด สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด จังหวัดนครราชสีมา สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ชุมพร จำกัด จังหวัดชุมพร ชุมนุมสหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่ และชุมนุมสหกรณ์จังหวัดลำพูน รวม 16.68 ตัน และจำหน่ายผ่านพ่อค้าส่งออก จำนวน 175.49 ตัน
ขณะเดียวกัน สหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รวบรวมมังคุดเพื่อจัดส่งให้เครือข่ายสหกรณ์ 2 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด จังหวัดร้อยเอ็ด และชุมนุมสหกรณ์แห่ง ประเทศไทย จำกัด ปริมาณรวมทั้งสิ้น 12 ตัน นอกจากนี้ยังได้ส่งขายให้ห้างเทสโก้ โลตัส วันละ 1 ตัน และยังมีแผนรวบรวมเพื่อส่งจำหน่ายให้ห้างแมคโคร อีกจำนวน 2.5 ตัน ทั้งนี้ สหกรณ์ฯ คาดว่ามังคุดจะเริ่มมีปริมาณลดลงในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม และผลผลิตเงาะจะเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด ได้กำหนดจัดงานจำหน่ายผลไม้ของจังหวัดสุราษฏร์ธานี ที่ห้างแมคโคร ศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 10-12 สิงหาคม 2560 และจะมีการประชาสัมพันธ์การสั่งซื้อเงาะผ่านช่องทางไปรษณีย์อีกด้วย
ทั้งนี้ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด ได้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรับซื้อมังคุดคุณภาพดีจากสหกรณ์ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี บรรจุลงกล่องขนาด 5 กิโลกรัม ราคา 130 บาท เปิดจุดจำหน่ายที่กรมศุลกากร กรมการข้าว กระทรวงพาณิชย์ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย และเครือข่ายสหกรณ์ในเขตกรุงเทพมหานคร วันละ 3 ตัน ซึ่งในปีนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจในสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งในการดำเนินธุรกิจรวบรวมผลไม้ โดยสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์แก่สหกรณ์ วงเงิน 215 ล้านบาท โดยคาดหวังว่าความร่วมมือกันของขบวนการสหกรณ์ในภาคตะวันออกและภาคใต้ในการเปิดจุดรับซื้อมังคุดจากเกษตรกร และกระจายสู่ตลาดผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งพ่อค้าในพื้นที่ ห้างโมเดิร์นเทรด ผู้ส่งออก และขบวนการสหกรณ์ ทั่วทุกภูมิภาค จะช่วยกระจายมังคุดให้ถึงมือผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง เป็นการระบายผลผลิตให้ออกนอกพื้นที่ เพื่อไม่ให้ผลผลิตกระจุกตัว และพยุงราคาผลผลิตให้เพิ่มสูงขึ้น