กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--เบรนเอเซีย คอมมิวนิเคชั่น
สุวิทย์ เมษินทรีย์ เผยท่ามกลางระยะเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีการเงินและดิจิตอล มอบหมายสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เร่งพัฒนาขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รองรับดิจิตอลเทคโนโลยีและการก้าวสู่เป้าหมายไทยแลนด์ 4.0 โดยจัดโครงการพัฒนาผู้ตรวจสอบบัญชี ตั้งเป้าหมายจำนวน 4,000 คน เพื่อพัฒนามาตรฐานระบบการบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เป็นรูปแบบมาตรฐานเดียวกัน ภายใต้ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และสร้างเสริมความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) อันเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้มอบหมายนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองด้านมาตรฐานบัญชีและการเงิน "ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามามีบทบาทอย่างมากโดยเฉพาะโลกการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองซึ่งเป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก ( Local Economy) ดำเนินงานมา 26 ปี จำเป็นจะต้องพัฒนายกระดับมาตรฐานผู้ตรวจสอบบัญชีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกวันนี้และอนาคตสู่ไทยแลนด์ 4.0 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดย สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) นั้นได้พัฒนาบทบาทใน 2 มิติ คือ เป็นสถาบันการเงินเพื่อชุมชน ให้ฝาก-ถอน และเป็นแหล่งเงินกู้ให้คนในชุมชนทั่วประเทศได้ประกอบกิจการ และปัจจุบันมีสมาชิก 13 ล้านคน มีเงินหมุนเวียนกว่า 59,000 ล้านบาท รวมทั้งอีกมิติในการพัฒนาบริการประชาชนและการตลาดชุมชน ซึ่งแนวทางการปฏิบัติงานของผู้ตรวจสอบบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการดำเนินงาน และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ กระบวนการทางด้านการเงินและบัญชีของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง มีความเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินและผลประโยชน์ จึงต้องมีกระบวนการตรวจสอบบัญชีเข้ามาทำหน้าที่ควบคุมการทำงาน ซึ่งถือเป็นกระบวนการสำคัญในการรับรองความโปร่งใส ของการบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ประกอบกับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้จัดทำระบบการบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อใช้เป็นรูปแบบบัญชีที่มีมาตรฐานเดียวกัน และมีการจัดการเรียนรู้ให้แก่ทุกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ให้เกิดความรู้ ทักษะ และสามารถปฏิบัติการจัดทำบัญชีกองทุนได้"
นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) กล่าวว่าการจัดสอบและขึ้นทะเบียนผู้ตรวจสอบบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 2 ครั้ง ที่ผ่านมา มีผู้ผ่านการสอบเพื่อขึ้นทะเบียนเพียงจำนวน 428 คน แต่ปัจจุบันเรามีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวนทั้งสิ้น 79,593 กองทุน ซึ่งจะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ตรวจสอบบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง มีจำนวนไม่สอดคล้อง และไม่เพียงพอต่อการตรวจสอบบัญชีให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ จะได้ดำเนินการจัดสอบ และขึ้นทะเบียนผู้ตรวจสอบบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองต่อไป สำหรับผู้ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแล้ว การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาก็เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากกิจกรรมของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองก็มีความหลากหลาย และมีการพัฒนาตลอดเวลาเช่นกัน จึงขอมอบให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้จัดกิจกรรมเพื่อการพัฒนาผู้ตรวจสอบบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ให้มีความพร้อม สามารถตรวจสอบบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลต่อไป"
นายสุรฃัย ดนัยตั้งตระกูล ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวว่า " เพื่อให้การตรวจสอบบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งพระราชบัญญัติ อันจะนำไปสู่ความโปร่งใสในการบริหารจัดการของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สทบ.จึงได้ดำเนินการสร้างผู้ตรวจสอบบัญชีกองทุนหมู่บ้าน โดยกำหนดเป้าหมายจำนวน 4,000 คน ซึ่งมีผู้ผ่านการคัดเลือกเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 381 คน และมุ่งหวังในการนำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมโยงและตรวจสอบบัญชีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พัฒนาองค์ความรู้ใน 4 เรื่อง ได้แก่ กฏหมาย การเงิน ไอที และความรู้ด้านธุรกิจ ให้มีสามารถครอบคลุม 80,000 กองทุน เสริมความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจฐานราก สามารถนำนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานตรวจสอบบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล รองรับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย"