กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--IR network
ยื่นซองประมูลงานใหม่อีก 200 ลบ.คาดรู้ผลภายในไตรมาส 3 นี้
บมจ.ยูเรกา ดีไซน์ (UREKA) เปิดแผนธุรกิจในครึ่งปีหลัง มุ่งเน้นงานรองรับไทยแลนด์ 4.0 หลังรัฐเตรียมออกกฎเอื้อให้ผู้ประกอบการลงทุน ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นอุตสาหกรรมไทยแลนด์ 4.0 สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ พร้อมเน้นบริหารจัดการด้านต้นทุนอย่างดี "นรากร ราชพลสิทธิ์" เผย ปัจจุบันตุนงานในมือแล้วกว่า 190 ล้านบาท พร้อมยื่นประมูลงานใหม่อีก 200 ล้านบาท รู้ผลภายในไตรมาสQ3/60 นี้
นายนรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) (UREKA) เปิดเผยถึงแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังว่า บริษัทจะมุ่งเน้นงานรองรับไทยแลนด์ 4.0 โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่รัฐบาลเตรียมออกกฎเพื่อเอื้ออำนายความสะดวกให้ผู้ประกอบการลงทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตของตนเองให้เป็นอุตสาหกรรมไทยแลนด์ 4.0 โดยมีการลงทุนระบบ Automation มากขึ้น ซึ่งสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังคงนโยบายการลดต้นทุนในการดำเนินงานทุกรูปแบบ เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร
ทั้งนี้ บริษัทฯคาดการณ์ว่าแนวโน้มรายได้ในครึ่งปีหลังน่าจะมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากครบกำหนดการส่งมอบงานหลายโครงการ ทำให้สามารถรับรู้รายได้เข้ามา โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 190 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีงานจากบริษัทย่อย คือ กิจการร่วมค้า ยูเรกา ยูเอ็มไอ มูลค่า 53 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างเดียว โดยจะรับรู้ปีนี้ในสัดส่วน 70% ของยอดกำไร
"บริษัทฯยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีงานที่อยู่ระหว่างประมูลอีก มูลค่า 200 ล้านบาท แบ่งเป็น งานด้านเครื่องจักรในประเทศไทย ประมาณ 50 ล้านบาท และที่ประเทศอินเดีย 30 ล้านบาท คาดทราบผลในไตรมาส 3/2560 ,งานด้านLogistic automation จำนวน 4 งาน มูลค่ารวม 100 ล้านบาท คาดทราบผลประมูลภายในไตรมาส 3/2560 จำนวน 2 งาน มูลค่า 50 ล้านบาท และงานประมูล chiller ของกิจการร่วมค้า ยูเรกา ยูเอ็มไอ ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมูลค่า 20 ล้านบาท คาดทราบผลเดือนกรกฎาคมนี้"นายนรากร กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ UREKA กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังคงเป้าหมายสัดส่วนรายได้ในแต่ละธุรกิจปีนี้ แบ่งเป็น 1.งานออกแบบและผลิตเครื่องจักรในหลากหลายอุตสาหกรรม (ยานยนต์, พลาสติก,เกษตร, และอื่นๆ) สัดส่วน 65% 2. งานออกแบบระบบอัตโนมัติในการผลิต (ระบบออโตเมชั่น) สัดส่วน 20% 3.งานระบบขนส่งลำเลียงแบบอัตโนมัติ (Logistic Automation) สัดส่วน 3% 4.ระบบประหยัดพลังงาน (Energy Conservation) สัดส่วน 12%