กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว. ท่องเที่ยวและกีฬากล่าวว่า ไทยจะเน้นเรื่องการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอาหาร ( Gastronomy Tourism ) ซึ่งจัดเป็น 1 ในรายจ่าย 3 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบ ประเทศไทยมีชื่อเสียงมากด้านอาหาร ตั้งแต่ อาหารถิ่นในทุกภูมิภาค และมี ร้านอาหารดังที่ได้รับรางวัลหลายร้าน ร้านน้ำ ร้านกากั้น และเมนูอาหารดัง เช่น ผัดไทย ต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่น เป็นต้น ทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยว และนักชิมนานาชาติว่าเป็นสวรรค์ของนักกินซึ่งพบว่า สัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวมาจากการใช้จ่ายด้านอาหาร 20% ของค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวทั้งหมด โดยปัจจัยบวกด้านอาหารไทยนี้จะเป็นตัวทวีคูณที่สำคัญในการเพิ่มอรรถรสและความสุขในการท่องเที่ยวได้ แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ การที่เกษตรกรผู้ผลิตจะได้นำเสนอวัตถุดิบ จากทุกท้องถิ่นมาเป็นองค์ประกอบในการปรุงอาหาร จะทำให้เกิดการกระจายรายได้อย่างชัดเจน ตรงไปยังท้องถิ่น เพราะเป้าหมายสำคัญ คือ เราต้องทำให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างรายได้ กระจายรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในประเทศ โดยใช้ สินค้าทางการเกษตร - การบริการ ท้องถิ่นของไทย เป็นตัวขับเคลื่อน
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า กิจกรรมเกี่ยวกับอาหารสามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวรูปแบบอื่น ได้หลายมิติ อาทิเช่น การท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agriculture-tourism) / การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Eco-tourism) เช่น ให้นักท่องเที่ยวได้ปลูกข้าวเกษตรอินทรีย์ การสีข้าว การปลูกแปลงผัก ปลอดสารพิษแล้วนเก็บพืชผัก ผลไม้เหล่านั้นนำมาประกอบอาหาร หรือการนำวัตถุดิบจากโครงการหลวงมาประกอบอาหาร ส่วนด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม (Wellness tourism) เราจะสนับสนุนให้นำผลิตภัณฑ์ เกษตรอินทรีย์มาประกอบอาหารและเครื่องดื่มเชิงสุขภาพ ผลการสำรวจพบว่านักท่องเที่ยวจากทุกภูมิภาคชื่นชอบอาหารไทย โดยเฉพาะอาหารทะเล นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวในปัจจุบันมีแนวโน้มชื่นชอบอาหารริมทาง (Street Food) และอาหารท้องถิ่น (Local Food) สถิติในปี 2559 มีรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงอาหาร 329,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 16% ซึ่งสถิติปี 2559 รายได้จากการท่องเที่ยวเชิงอาหาร มีสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 20 สูงเป็นอันดับที่ 3 ในขณะที่ อันดับที่ 1 เป็นค่าที่พัก ( 29%) อันดับที่ 2 ค่าซื้อสินค้า/ของที่ระลึก (24%) โดยมีข้อมูล นักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงอาหารสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย
1) จีน 83,313 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 19 %
2) รัสเซีย 20,818 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 32%
3) สหราชอาณาจักร 18,409 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 10 %
4) มาเลเซีย 16,106 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7 %
5) สหรัฐอเมริกา 13,930 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 18%
นางกอบกาญจน์ กล่าวต่อไปว่า ภาพรวมรอบครึ่งปีขณะนี้ (ม.ค.-ก.ค.2560) พบว่าการท่องเที่ยวไทยมีการขยับเพิ่มทั้งรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติแตะ 19 ล้านคนแล้ว เติบโตขึ้นกว่าปี 2559 กว่า 4.5 % สร้างรายได้กว่า 960,000 ล้านบาท ขยายตัวกว่า 6% ซึ่งเป็นการเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในขณะที่รายได้จากไทยเที่ยวไทย ทำให้เกิดการกระจายรายได้อย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค จากสถิติไทยเที่ยวไทย ( มค-พค )สร้างรายได้ 381,991 ล้านบาท ขยายตัวกว่า 6.87% ในจำนวนนี้เป็นรายได้ที่มาจาก 12 เมือง ต้องห้าม...พลาด และ พลัส รวม 24 จังหวัด เป็นจำนวน 58,614 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่าปี 2559 กว่า 6.85%