กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--BANGKOK AUTUMN
เป็นที่จับตามองกันอย่างมากกับแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อเตรียมกลับมาเทรดของ บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ และอีกคำถามฮอตที่กรรมการถูกทั้งผู้ถือหุ้นและไม่ถือหุ้นถามด้วยความสงสัยว่าใครจะเข้ามาร่วมทุนอีกกับบริษัทฯอีก เพราะเห็นๆกันอยู่ว่า AQ เป็นบริษัทที่มีทรัพย์สินก้อนใหญ่เป็นที่ดินขนาดกว่า 4,300 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่สีม่วงหรือพื้นที่สำหรับทำอุตสาหกรรม
นายอภิวุฒิ ทองคำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า มีบริษัทและนักลงทุนหลายรายติดต่อขอเจรจาเข้ามาเพื่อซื้อที่ดินและ/หรือขอเข้ามาพัฒนาร่วม ซึ่งหนึ่งในนั้นมี TICON ที่ทำธุรกิจก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมมาตรฐานและคลังสินค้าให้เช่าและขายในนิคมอุตสาหกรรม เข้ามาเจรจาด้วยเช่นกัน ซึ่งจากการเจรจาจะสามารถสรุปร่วมทุนได้ภายใน 2 เดือน ทั้งนี้ AQ มีกำหนดที่จะเข้าเจรจากับธนาคารกรุงไทยก่อนสิ้นเดือนกรกฎาคม
ด้านมุมมองจากที่ปรึกษาด้านการลงทุน นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาเอกการลงทุน จำกัด กล่าวว่า คาดว่าเมื่อหุ้นบริษัทเอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) (AQ) กลับมาซื้อขาย จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทได้ผ่านการปรับโครงสร้าง การปรับปรุงฐานะการเงิน มีการลดทุน เพิ่มทุน เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ให้แก่ธนาคารกรุงไทย ที่เป็นเจ้าหนี้ และเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้น AQ ถูกห้ามซื้อขายเมื่อ 2 ปีก่อน นอกจากนี้สถิติในอดีตมีหุ้นหลายบริษัท เมื่อกลับมาเทรดรอบใหม่แล้ว ราคาจะปรับขึ้นอย่างร้อนแรง เนื่องจากนักลงทุนประเมินว่าหุ้นเหล่านี้ เมื่อได้กลับมาเทรด แสดงว่า ผลประกอบการ ฐานะการเงิน กลับมาปกติ และจะดีขึ้น "ถ้ายังไม่ดี ตลาดคงไม่ปล่อยให้หุ้นมาซื้อขาย แสดงว่า บริษัทต้องดีขึ้น AQ ที่ถูกเอสพีเพราะหนี้สินกับกรุงไทย ต่อมาผู้ตรวจสอบไม่รับรองงบ แต่ล่าสุด AQ ขายหุ้นเพิ่มทุนได้ ต้องดูว่าเพียงพอไปใช้หนี้กรุงไทยใหม ถ้าพอทุกอย่างจบ เอาที่ดินออกมาได้ จะขาย หรือ ไปทำโครงการก็ได้ "
ส่วนกรณีที่นักลงทุน 21 ราย ใส่เงินเพิ่มทุน 2 ล็อตเกือบ 2 พันล้านบาท นายเอกพิทยา กล่าวว่า มีเหตุผล 2 ประการ 1.เชื่อมั่นว่าราคาที่ดิน 4,300 ไร่นั้น จะมีราคาเพิ่มขึ้น และ 2. หุ้นที่ถูกห้ามซื้อขายนานๆ เมื่อเปิดมาราคาจะไม่ต่ำกว่าเดิม ราคาตลาดต้องขึ้น นักลงทุนจึงกล้าลงทุน