กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--IR network
บิ๊ก GUNKUL ออกโรงยืนยันพื้นฐานสุดสตรอง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ลั่นไม่มีปัญหาคืนหนี้ตั๋วบี/อี อย่างแน่นอน ย้ำในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าไม่มีแผนเพิ่มทุน โชว์ PPA ในมือกว่า 489 MW เสียบปลั๊กเข้าระบบแล้ว 178 MW หนุนผลงานโตต่อเนื่อง มึน! หุ้นร่วง สวนทางธุรกิจ มองเป็นโอกาสสะสมเข้าพอร์ต
ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯได้รับเงินกู้สนับสนุนโครงการและสินเชื่อหมุนเวียนจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) และมีการออกตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียน ในการก่อสร้างโครงการกังหันลมเฟส 2 จำนวน 60 เมกะวัตต์ และ 3 จำนวน 50 เมกะวัตต์ เนื่องจากต้นทุนอัตราดอกเบี้ยของตั๋ว B/E อยู่ในระดับต่ำกว่าสินเชื่อโครงการในช่วงดำเนินการก่อสร้าง
ทั้งนี้ บริษัทฯมีความพร้อมและได้ดำเนินการปิดโปรเจ็กต์ไฟแนนซ์ ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเรียบร้อยทั้ง 2 โครงการแล้ว โดยจะทยอยเบิกเงินเพื่อสั่งจ่ายชำระให้กับการดำเนินการโครงการและคืนเงินกู้ตั๋ว B/E ที่ครบกำหนดตามลำดับโดยไม่มีประเด็นการขาดสภาพคล่องแต่ประการใด รวมถึงบริษัทฯไม่มีความจำเป็นในการเพิ่มทุนในช่วง 1-2 ปีนี้ เนื่องจากการลงทุนในโครงการต่างๆ ที่ประกาศแจ้งให้นักลงทุนทราบไปก่อนหน้านี้ ได้มีการจัดสรรเงินเพื่อลงทุนไว้เรียบร้อยแล้ว
"เรายังคงเร่งดำเนินการก่อสร้างและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์สำหรับโครงการลมที่ห้วยบงในเฟส 2 จำนวน 60 เมกะวัตต์ และ 3 จำนวน 50 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปี 2560 และกลางปี 2561 ตามลำดับ อีกทั้งโครงการในต่างประเทศ เช่น โซลาร์ฟาร์ม 4 โครงการในประเทศญี่ปุ่นมีความคืบหน้าโครงการตามแผนงาน ส่วนโครงการพลังงานทดแทนในประเทศมาเลเซีย และเวียดนาม ต่างก็มีความคืบหน้าตามแผนการ"ดร.สมบูรณ์กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯยังเร่งเพิ่มงานในมือ (Backlog) ของโครงการภายในประเทศ ซึ่งถือว่ามีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากเช่นกัน โดยบริษัทฯยังคงเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีแนวโน้มจะได้รับงานภายในไตรมาส 3/60 เช่นกัน
กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) กล่าวอีกว่า ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯยังคงเติบโตต่อเนื่องและมีความมั่นคงเพิ่มขึ้น จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีจำนวน PPA ในมือทั้งสิ้น 489 เมกะวัตต์ และจำหน่ายไฟฟ้าแล้ว 178 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่ายังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจากจำนวนเมกะวัตต์ที่จะทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงสวนทางกับรายได้และกำไรของบริษัทฯที่มีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการลงทุน เพื่อผลตอบแทนที่เหมาะสมในระยะยาว