กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--พีอาร์ดีดี
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลัง ปี 2560 มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในระดับที่สูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งการผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ได้แก่ โครงการรถไฟรางคู่มูลค่าหลายแสนล้านบาท และรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ภายสิ้นปีนี้ รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนภาครัฐในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) ที่ได้เชิญชวนนักลงทุนต่างชาติทั้งจีนและประเทศตะวันตกทำให้เริ่มมีสัญญาณเข้ามาจับจองพื้นที่เปิดโรงงานใหม่แล้ว
นอกจากนี้ยังคงมองว่าผลตอบแทนและมูลค่าของดัชนี SET index ที่ดูดีขึ้นและมีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งเกิดจากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2560 ที่รายงานกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยสร้างระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ดัชนี SET index เริ่มมีความน่าสนใจมากเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่ยังคงมีปัจจัยภายนอกที่สำคัญที่อาจเข้ามากดดันทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงครึ่งหลังของปี คือ การลงคะแนนเสียงเพื่อผ่านร่างกฎหมายเพื่อยกเลิกมาตรการประกันสุขภาพของสหรัฐอเมริกา ความแน่ชัดในการดำเนินมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ การต่ออายุเพดานหนี้สหรัฐฯ ตลอดจนการปรับลดขนาดสินทรัพย์ของเฟด การเลือกตั้งในเยอรมนีและอิตาลี รวมถึงภาวะมูลค่าตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะไม่ส่งผลลบต่อดัชนี SET index มากนัก เนื่องจากตลาดหุ้นไทยมีความเชื่องช้ากว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในขณะที่ทิศทางกำไรของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวดีขึ้น จะส่งผลให้เข้ามาช่วยสนับสนุนทิศทางการปรับตัวที่ดีขึ้น ซึ่งภาวะการลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะเป็นรูปแบบการหมุนกลุ่มลงทุนตามอุตสาหกรรมที่มีความล้าหลังของราคาหุ้น แต่มีแนวโน้มธุรกิจที่ดูดี และมีการขยายตัวของกำไรที่เป็นไปตามเศรษฐกิจ วัฏจักรการลงทุนภาครัฐ และการฟื้นตัวของภาคส่งออก
นายสมิทธ์ กล่าวว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ ได้มีการจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จำนวน 3 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2559 - วันที่ 30 มิถุนายน 2560 ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (SCBLT1) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ (SCBLT4) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) รวมมูลค่าประมาณ 218 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา
โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (SCBLT1) จ่ายปันผลในอัตรา 0.3200 บาทต่อหน่วย โดยแบ่งเป็นจ่ายระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ม.ค.60 ในอัตรา 0.2000 บาทต่อหน่วย คงเหลือจ่ายงวดนี้ 0.1200 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 20 รวมเป็นเงินปันผลจำนวน 4.2750 บาทต่อหน่วย เน้นลงทุนหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีนโยบายหรือมีการจ่ายปันผลอยางสม่ำเสมอ เฉลี่ยในปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 และไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย.60 มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.2%ต่อปี ย้อนหลัง 6 เดือน 2.22%ต่อปี และย้อนหลัง 1 ปี 6.96% ต่อปี
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ (SCBLT4) จ่ายปันผลในอัตรา 0.3200 บาทต่อหน่วย โดยแบ่งเป็นจ่ายระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ม.ค.60 ในอัตรา 0.2000 บาทต่อหน่วย คงเหลือจ่ายงวดนี้ 0.1200 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 12 รวมเป็นเงินปันผลจำนวน 2.4200 บาทต่อหน่วย เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี มั่นคง และมีแนวโน้มเจริญเติบโตสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม และมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ ไม่เกินกว่าร้อยละ 35 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย.60 มีผลดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.69%ต่อปี ย้อนหลัง 6 เดือน 2.69 %ต่อปี และย้อนหลัง 1 ปี 9.64% ต่อปี
ส่วนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) จ่ายปันผลในอัตรา 0.4100 บาทต่อหน่วย โดยแบ่งเป็นจ่ายระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ม.ค.60 ในอัตรา 0.2500 บาทต่อหน่วย คงเหลือจ่ายงวดนี้ 0.1600 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 15 รวมเป็นเงินปันผลจำนวน 3.3100 บาทต่อหน่วย เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี มั่นคง และมีแนวโน้มเจริญเติบโตสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย.60 มีผลดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.93%ต่อปี ย้อนหลัง 6 เดือน 2.93%ต่อปี และย้อนหลัง 1 ปี 10.24% ต่อปี