กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
การปรุงอาหารด้วยน้ำมันมะกอกกำลังเป็นที่นิยมในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเช่นกัน หลายคนอาจเริ่มสนใจอยากนำน้ำมันมะกอกมาใช้ในการปรุงอาหารหรือบริโภคกันมากขึ้น แต่หลายๆ คนก็ยังติดอยู่เรื่องเดียว คือ "ราคาของน้ำมันมะกอก" ที่อาจดูว่าค่อนข้างจะสูงกว่าน้ำมันประเภทอื่นๆ หรือน้ำมันแบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาด ซึ่งก็น่าคิดว่า ราคานั้นคุ้มค่ากับการลงทุนมั้ย เบอร์ทอลลี่® ในฐานะแบรนด์น้ำมันมะกอกอันดับหนึ่งของประเทศไทย ขอนำเสนอประเด็นข้อมูลอันน่าสนใจเกี่ยวกับน้ำมันมะกอก เพื่อช่วยในการตัดสินใจของคุณ
ลงทุนในสุขภาพกับน้ำมันมะกอก
ราคาเฉลี่ยของน้ำมันมะกอกที่วางขายในท้องตลาดอยู่ที่ประมาณ 350-450 บาท ต่อขวด ตามแต่ขนาด โดยเฉลี่ยแล้วน้ำมันมะกอกขนาด 1 ลิตร จะสามารถทำอาหารได้ประมาณ 68 ครั้ง หรือ คิดเป็นจำนวนจานอาหารได้ถึง 272 จาน เมื่อใช้ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ และหากคำนวณถึงการทำอาหาร 1 มื้อ สำหรับ 1 คน จะเฉลี่ยตกที่มื้อละเพียง 1.6 บาท โดยหากเปรียบเทียบกับการสั่งเครื่องดื่มคู่กับมื้ออาหารแล้ว ราคาเครื่องดื่มจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 บาท ซึ่งนับว่าน้ำมันมะกอกยังราคาถูกกว่าเครื่องดื่มที่เราสั่งคู่กับอาหารก็ว่าได้
ดังนั้น คงไม่แพงเกินไป หากเราจะลองจ่ายมากขึ้นสักเล็กน้อย เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้แก่อาหารไทยเมนูต่างๆ ที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวัน โดยน้ำมันมะกอกนั้นมีส่วนประกอบของไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงกว่าน้ำมันประกอบอาหารประเภทอื่นๆ อยู่มาก และสามารถช่วยลดระดับของ LDL ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ยังเหมาะแก่ผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยลดอัตราเสี่ยงของโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง และมะเร็งเต้านม
น้ำมันมะกอกไม่เพียงแต่เป็นน้ำมันสำหรับปรุงอาหาร แต่ยังเป็นทางเลือกของสุขภาพที่นำมาปรับใช้ในชีวิตได้ ง่ายและราคาไม่แพง ทั้งยังช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ จากภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งนับว่าถูกกว่าค่ายาจากการรักษาโรคต่างๆ เหล่านั้นซะอีก
การเลือกบริโภคน้ำมันมะกอกไม่ใช่แค่ดี แต่ยังให้ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพในระยะยาว โดยที่เราเองก็สามารถอร่อยกับมื้ออาหารได้เหมือนเดิม และยังสามารถมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมๆ กันได้อีกด้วย ซึ่งหากเราไม่รับประทานอาหารอย่างระมัดระวัง ไม่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ความเสี่ยงในการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ ก็จะตามมา
ในทางกลับกัน ถ้าเรามีสุขภาพที่ดี เราสามารถออกไปใช้ชีวิต ท่องเที่ยว ทำสิ่งที่รักได้อย่างเต็มที่ เพราะเมื่อมองกลับกัน หากเราคุยกันตามตรงว่าถ้าเรามีอาการเจ็บป่วยแล้ว ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพที่ดีกลับมาอีกครั้งได้
เคล็ดลับในการสร้างสมดุลสำหรับสุขภาพ
ไขมันที่เหมาะสมสำหรับคนไทยจะเฉลี่ยอยู่ที่ 50-70 กรัมต่อวัน (คำนวณจากความต้องการพลังงาน 1,500-2,000 กิโลแคลลอรี่ต่อวัน) การได้รับไขมันมากกว่าปริมาณที่แนะนำนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการมีระดับคอเลสเตอรอลสูงขึ้นหรือน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นก็ได้ การบริโภคไขมันให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสามารถทำได้ โดยวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้
• รับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันหรือหนัง เพราะการมีส่วนของมันและหนังติดกับเนื้อสัตว์ จะเพิ่มไขมันได้ราวๆ 2-5 กรัมต่อปริมาณเนื้อสัตว์ที่บริโภค 1 ช้อนโต๊ะเลยทีเดียว จึงควรรับประทานแต่ส่วนเนื้อ
• กำหนดปริมาณน้ำมันที่ใช้ในการประกอบอาหารและบริโภค ที่เฉลี่ย มื้อละ 1 ช้อนโต๊ะต่อคน ซึ่งน้ำมันที่แนะนำ คือ น้ำมันมะกอก เช่น เมนูหมูผัดกระเทียม สามารถทำได้โดยใช้น้ำมันมะกอกเพียง 1 ช้อนโต๊ะ และหากรู้สึกว่าแห้งไป ให้เติมน้ำสต๊อกลงไปเล็กน้อย แต่อย่าเติมอะไรที่เป็นไขมันลงไปเพิ่มอีก
• ใช้อุปกรณ์ในการปรุงอาหารจำพวกที่เคลือบสารกันติด หรือเรียกง่ายๆ ว่า เทฟลอน เพราะจะช่วยให้การปรุงอาหารได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันปริมาณมากเกินไป เพราะเทฟลอนช่วยให้อาหารไม่ติดกระทะ
"ในฐานะนักโภชนาการ ผมไม่อยากให้คิดว่าน้ำมันมะกอกแพง ไม่สามารถนำมาปรุงอาหารได้ แต่อยากให้เปลี่ยนมุมมองใหม่ ถึงปริมาณการใช้งานหรือจำนวนครั้งที่เราสามารถใช้ได้จากน้ำมันมะกอก 1 ขวด รวมถึงการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวทั้งของคุณและคนที่คุณรัก" นายพศิษฐ์ คณาศิริชัยนนท์ นักกำหนดอาหารวิชาชีพและวิทยากรด้านอาหารและสุขภาพ จากเพจเฟสบุ๊คชื่อดังด้านอาหารและโภชนาการ 'เมื่อวานป้าทานอะไร?' กล่าว
ทุกวันนี้ด้วยไลฟ์สไตล์ที่มีความเร่งรีบ เราจึงอาจไม่ได้ทำอาหารรับประทานเองทุกมื้อ แต่เมื่อมีโอกาสได้ทำอาหาร เราสามารถเติมเต็มให้อาหารมื้อนั้นๆ เป็นมื้อพิเศษได้ด้วยการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้แก่อาหารไทยเมนูต่างๆ ที่เราทำ เบอร์ทอลลี่เชื่อว่า การลงทุนที่ดีที่สุด คือ การลงทุนเพื่อสุขภาพ