กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--โคลัมเบีย ไทยสตาร์ บัวนา วิสต้า (ประเทศไทย)
นายรชต ธีระบุตร ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัทภาพยนตร์ โคลัมเบีย ไทยสตาร์ บัวนา วิสต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปี 43 นี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยรวมจะขยายตัวถึง 15 - 17% แม้ว่าจะมีหลายกระแสมองว่าธุรกิจไม่ดีก็ตาม แต่เมื่อดูจากตลาดปีนี้เพิ่มเป็น 2,700 - 2,800 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่ระดับ 2,300 ล้านบาท โดยมีจำนวนการซื้อตั๋วเข้าชม 30 ล้านครั้ง จากปีที่ผ่านมา 26 ล้านครั้ง จากจำนวนโรงทั้งหมด 300 จอ
ทั้งนี้ ตลาดหนังต่างประเทศ ฮอลลีวูดมีส่วนแบ่งถึง 78% ขณะที่ภาพยนตร์ไทยเริ่มมีส่วนแบ่ง เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เรื่อง นางนากประสบความสำเร็จ ปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 18% จากปีที่ผ่านมา 6% ขณะที่ภาพยนตร์จีนมีอยู่ 3% คงที่และคาดว่า จะลดลงเรื่อยๆ และหายไปจากตลาดเพราะไม่ได้รับความสนใจ อีกทั้งโดนภาพยนตร์ฮอลลีวูด และไทยตีตลาดรวมทั้งสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้คนดูเลือกที่ชื่นชอบที่สุดรับชม ขณะที่ของไทยเอง ไม่ใช่เป็นเพราะได้รับความนิยม เนื่องมาจากความเป็นภาพยนตร์ไทย แต่เป็นเพราะความแปลกใหม่ที่หาดูที่ไหนไม่ได้
"สาเหตุที่ตลาดโตเป็นเพราะปีนี้มีหนังที่ทำเงินออกมามาก เช่นเรื่องเอนออฟเดย์, สตรีเหล็ก,เอ็มไอทู, ไดโนซอร์ รวมทั้งนางฟ้าชาร์ลี และอีกหลายเรื่องในปลายปีนี้ แม้เศรษฐกิจจะมีปัญหาแต่ภาพยนตร์เป็นแหล่งบันเทิง ราคาถูกทำให้ได้รับ ผลกระทบ น้อยมาก อีกทั้งจำนวนโรงใหม่เพิ่มขึ้น คุณภาพโรงดีขึ้น และในเมือง ไทยถือเป็นอันดับหนึ่งของเอเชีย เป็นตัวดึงดูดให้คนเข้ามา"
นายรชตกล่าวว่า ด้านการแข่งขันสำหรับ ผู้ประกอบการค่ายเมเจอร์ปีนี้ บริษัทภาพยนตร์ โคลัมเบีย ไทยสตาร์ บัวนา วิสต้า (ประเทศไทย) ยังคงรักษาอันดับ 1 เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยมีรายได้เกือบ 800 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งประมาณ 45 - 47% ของกลุ่มเมเเจอร์ที่มีส่วนแบ่ง ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อยู่ 32%--จบ--
-สส-