กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--โคลัมเบีย ฟิคเจอร์ส
เนื่องจากศิลปะการตกแต่งแบบมอร็อคโคนั้นมีลักษณะค่อนข้างหนัก และดูทมึนทึม สโตเวอร์ และทีมงานของเขา คือ แลร์รี่ ไดแอส (Larry Dias) ผู้ตกแต่งฉากจึงเพิ่มความสว่างและความอบอุ่นของโทนสี ลักษณะเด่นของศิลปะมอร็อคโคอยู่ที่ความสมดุลของการใช้สี และการประดับประดาด้วยดอกไม้หลากพันธุ์ ซึ่งก็เหมาะจะจัดให้เป็นห้องพักส่วนตัวของดารา
เฟดอน ปาปาไมเคิล ผู้กำกับภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามจัดแสงให้ดูเบาสบาย และเป็นธรรมชาติเพื่อให้สอดคล้องไปกับอารมณ์ของหนังเรื่องนี้
"ผมไม่ต้องการให้แสงในหนังออกมาดูเย้ายวนจนเกินเหตุ โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นหนังเกี่ยวกับฮอลลีวู้ดโดยตรง" ปาปาไมเคิลบอก "สิ่งที่โจต้องการ และสิ่งที่ผมถ่ายทอดออกมาคือบรรยากาศของความสนุกสนาน และเรียบง่าย ไม่จัดจ้าน และไม่แย่งความเด่นไปจากตัวละคร"
ทีมงานเบื้องหลังคนสำคัญนั้นมีทั้งดีไซเนอร์ เอลเลน มิโรจนิค ซึ่งออกแบบเครื่องแต่งกายให้ตัวละครในเรื่อง โดยเฉพาะซีต้า-โจนส์ ในลักษณะเดียวกับแฟชั่นที่ออกแบบให้กับดาราฮอลลีวู้ดอยู่เป็นประจำ นอกจากนั้นยังได้เจฟฟรี่ย์ เคอร์แลนด์ มารับหน้าที่เป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับจูเลีย โรเบิร์ตส์โดยเฉพาะ
ผู้ร่วมงานกับร็อธอีกคนหนึ่งคือ ผู้ตัดต่อลำดับภาพ สตีเฟ่น เอ.ร็อตเตอร์ ซึ่งเพิ่งมีผลงานเมื่อเร็วๆ นี้ใน What Women Want และทำให้เขาถูกทาบทามให้มาเป็นผู้ตัดต่อหนังเรื่องนี้ นอกจากนั้น ยังมีผู้ที่เพิ่งจะได้มาทำงานกับร็อธ และ Revolution Studios เป็นครั้งแรกคือ เคน ราลสตัน (Ken Ralston) ที่ปรึกษางานด้านเทคนิคพิเศษด้านภาพ ซึ่งมีผลงานได้รับรางวัลออสการ์มาหลายครั้ง ความสามารถด้านการสร้างสรรค์ในระดับที่ต้องยกนิ้วให้ของเขาช่วยเพิ่มมุมมองใหม่ๆ ให้กับหนังได้มาก และเขายังช่วยสร้างฉากจบแบบแฮ็ปปี้ เอ็นดิ้งแบบสุดๆ ตามสไตล์ฮอลลีวู้ด
"หนังตลกก็เหมือนกับยาบำรุงกำลัง" ดอนน่า อาร์คอฟฟ์ ร็อธกล่าวเพิ่มเติม "คนเรามีอะไรมากมายหลายอย่างให้ต้องเป็นทุกข์เป็นร้อนในชีวิต ไม่มีอะไรจะช่วยได้ดีไปกว่าการได้นั่งหัวเราะอย่างเต็มที่ และนั่นคือสิ่งที่พวกเราหวังว่าหนังเรื่องนี้จะช่วยได้"
"ผมหวังว่าคนจะหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้" โจ ร็อธกล่าวปิดท้าย "เรื่องมันก็ง่ายๆ แบบนี้แหละ"
เกี่ยวกับนักแสดง
จูเลีย โรเบิร์ตส์ (Julia Roberts) รับบทเป็นกิกิ แฮร์ริสัน (Kiki Harrison) ผู้ช่วยส่วนตัว และพี่สาวแท้ๆ ของดาราดัง เกวน แฮร์ริสัน (Gwen Harrison)
โรเบิร์ตส์เพิ่งได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากบทบาทในหนังขวัญใจผู้ชมเรื่อง Erin Brockovich ของผู้กำกับสตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก (Steven Soderbergh) ซึ่งเธอมีโครงการจะกลับมาร่วมงานกับเขาอีกครั้งใน Ocean's 11 ฉบับสร้างใหม่ คู่กับจอร์จ คลูนี่ย์ (George Clooney), แบรด พิทท์ (Brad Pitt) และแม็ทท์ เดม่อน (Matt Damon) นอกจากนั้น บทบาทการแสดงใน Erin Brockovich ยังทำให้เธอได้รับรางวัลลูกโลกทองคำนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมสาขาภาพยนตร์ดราม่า รวมทั้งรางวัลจาก BAFTA และ Screen Actors Guild Award จากบทเดียวกัน Erin Brockovich เป็นความสำเร็จของโรเบิร์ตที่ต่อเนื่องมาจากหนังสุดฮิตอีกสองเรื่อง คือ Notting Hill ของผู้กำกับโรเจอร์ มิเชลล์ (Roger Michell) ซึ่งเธอแสดงคู่กับฮิวจ์ แกรนท์ (Hugh Grant) และ Runaway Bride ซึ่งเป็นการกลับมาร่วมงานกับพระเอก และผู้กำกับจาก Pretty Woman คือ ริชาร์ด เกียร์ (Richard Gere) และแกรี่ มาร์แชลล์ (Gary Marshall)
โรเบิร์ตส์นำแสดงในหนังฮอลลีวู้ดที่ประสบความสำเร็จด้วยดีหลายต่อหลายเรื่อง และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วถึงสามครั้ง เธอได้รับการจับตามองจากผู้ชมเป็นครั้งแรกจากบทน่ารักใน Mystic Pizza และติดตามมาด้วย Steel Magnolias ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรก
ผลงานเรื่องถัดมาคือ Pretty Woman เป็นหนังยอดฮิตประจำปี 1990 และทำให้โรเบิร์ตส์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นคราวที่สอง บทบาทการแสดงอันน่าจดจำของเธอในหนังเรื่องนี้ทำให้เธอมีงานแสดงต่อเนื่องกันมาไม่ขาดสาย ซึ่งรวมถึง Flatliners, Sleeping with the Enemy, Dying Young, The Pelican Brief และ Something to Talk About
นอกจากนั้น โรเบิร์ตส์ยังร่วมแสดงกับเลียม นีสัน (Liam Neeson) ใน Michael Collins ผลงานของผู้กำกับนีล จอร์แดน และ Everyone Says I Love You หนังเพลงตลกของวู้ดดี้ อัลเลน (Woody Allen) ในปี 1997 เธอมีผลงานแสดงใน My Best Friend's Wedding กำกับโดยพี.เจ. โฮเก้น (P.J. Hogan) และ Conspiracy Theory หนังระทึกขวัญของผู้กำกับริชาร์ด ดอนเนอร์ (Richard Donner) โดยเล่นคู่กับเมล กิ๊บสัน (Mel Gibson) ถัดจาก Conspiracy Theory โรเบิร์ตส์ร่วมแสดงกับซูซาน ซาแรนดอน (Susan Sarandon) และเอ๊ด แฮร์ริส (Ed Harris) ใน Stepmom ของผู้กำกับคริส โคลัมบัส (Chris Columbus) ผลงานทั้งหมดของเธอสามารถทำเงินทั่วโลกรวมกันได้กว่าสองพันล้านเหรียญฯ
เมื่อเร็วๆ นี้ โรเบิร์ตส์เพิ่งมีผลงานใน The Mexican ร่วมกับแบรด พิทท์ และเจมส์ แกนโดลฟินิ (James Gandolfini) กำกับโดยกอร์ เวอร์บินสกี้ (Gore Verbinski)
บิลลี่ คริสตัล (Billy Crystal) แสดงเป็นผู้ประสานงานสื่อมวลชนอาวุโส ลี ฟิลลิปส์ (Lee Phillips) และนอกจากจะร่วมแสดงแล้ว คริสตัลยังทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง และผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ America's Sweethearts เรื่องนี้อีกด้วย
คริสตัลถือเป็นผู้ที่มีผลงานหลากหลายมากคนหนึ่งในอุตสาหกรรมบันเทิง ในส่วนของงานหน้ากล้อง เขาประสบความสำเร็จในการแสดงทั้งภาพยนตร์และโทรทัศน์ สำหรับงานหลังกล้องนั้น เขาเป็นทั้งผู้เขียนบท ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้าง
ล่าสุด คริสตัลได้รับเสียงชื่นชมจากภาพยนตร์ของ HBO ชุด 61 ซึ่งเขาเป็นทั้งผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร ผลงานชิ้นนี้สร้างจากเรื่องจริงเกี่ยวกับการทำโฮมรันของเบ๊บ รูธ (Babe Ruth) ในทีมนิวยอร์ค แยงกี้ส์ นำแสดงโดยมิคกี้ แมนเทิล (Mickey Mantle) และโรเจอร์ มาริส (Roger Maris)
ครอบครัวของคริสตัลเป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับดนตรี แจ๊ค (Jack) พ่อของเขาจัดคอนเสิร์ตให้กับนักดนตรีแจ๊สระดับแนวหน้าของยุคมาแล้วหลายต่อหลายคน รวมทั้งบิลลี่ ฮอลลิเดย์ (Billie Holliday) การได้คลุกคลีอยู่กับศิลปินดังเหล่านี้ช่วยให้บิลลี่ได้พัฒนาทักษะในการแสดงตลกบนเวที ประกอบกับตัวเขาเองก็มีพรสวรรค์ในการแสดงล้อเลียน และเสียดสี รวมทั้งความสามารถในการสร้างคาแร็คเตอร์ซึ่งตลก น่ารัก และเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ชม
หลังจากร่วมคณะทัวร์กับดาราอย่างบิลลี่ โจเอล (Billy Joel) และแบร์รี่ แมนิโลว์ (Barry Manilow) เขาก็ได้มาเป็นนักแสดงประจำในผลงานซีรี่ส์เรื่องดังชุด Soap โดยรับบทเป็นเกย์อย่างเปิดเผยคนแรกของวงการโทรทัศน์ ช่วงปี 1984-1985 คริสตัลสร้างความสำเร็จครั้งประวัติการณ์จากผลงาน Saturday Night Live ซึ่งได้สร้างคาแร็คเตอร์ที่อยู่ในความทรงจำของผู้คนมากมาย
ในช่วงปีหลังๆ มานี้ คริสตัลเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ เขามีผลงานการแสดงในภาพยนตร์อย่าง Running Scared, Throw Momma from Train, The Princess Bride, When Harry Met Sally, City Slickers และ City Slickers II, Mr. Saturday Night, Forget Paris, Hamlet, Deconstructing Harry, Father's Day, My Giant และ Analyze This
นอกจากนั้น เขายังเขียนบท และสร้างซีรี่ส์ชุด Sessions ของ HBO ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม และยังเป็นนักแสดงตลกคนแรกที่ได้เข้าไปแสดงในสหภาพโซเวียต (ในยุคนั้น) จากผลงาน Midnight Train to Moscow ผลงานพิเศษที่เขาทำให้ HBO คริสตัลได้รับเกียรติให้เป็นพิธีกรงานประกาศผลรางวัลแกรมมี่สามครั้ง และงานออสการ์อีกเจ็ดครั้ง
ในการทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชน คริสตัลร่วมกับโรบิน วิลเลี่ยมส์ (Robin Williams) และวู้ปปี้ โกลด์เบิร์ก (Whoopi Goldberg) เป็นพิธีกรรายการ Comic Relief ทาง HBO ทั้งแปดครั้ง ซึ่งสามารถหาเงินได้กว่า 40 ล้านเหรียญฯ เพื่อจัดหาที่อยู่อาศัยและการบริการทางการแพทย์ให้กับบุคคลเร่ร่อน
คริสตัลเคยได้รับรางวัลเอ็มมี่หกครั้ง รางวัลอเมริกันคอเมดี้หกครั้ง และรางวัลเคเบิลเอซเจ็ดครั้งด้วยกัน
แคเธอรีน ซีต้า-โจนส์ (Catherine Zeta-Jones) รับบทบาทเกวน แฮร์ริสัน (Gwen Harrison) ดาราดังระดับแนวหน้าชองวงการภาพยนตร์
เมื่อเร็วๆ นี้ ซีต้า-โจนส์มีผลงานการแสดงใน Traffic ผลงานที่ได้รับคำชมไม่ขาดปากของผู้กำกับสตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก ซึ่งเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำจากบทนี้ ในขณะที่โซเดอร์เบิร์กได้รับรางวัลออสการ์ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ผลงานเรื่องอื่นๆ ของเธอก็เช่น The Haunting, Entrapment คู่กับฌอน คอนเนอรี่ (Sean Connery) และ High Fidelity คู่กับจอห์น คูแซ็ค (John Cusack)
ซีต้า-โจนส์ถูกจับตามองในระดับนานาชาติ เมื่อเธอแสดงนำในหนังแอ็คชั่นผจญภัยของ Columbia/Tri-Star เรื่อง The Mask of Zorro คู่กับแอนโทนิโอ แบนเดรัส (Antonio Banderas) และแอนโทนี่ ฮ็อปกิ้นส์ (Anthony Hopkins) ผลงานชิ้นนี้ได้รับเสียงชื่นชมด้วยดี และยังทำเงินในระดับดีเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งของปีนั้น
ซีต้า-โจนส์เกิดที่ประเทศเวลส์ ได้รับความสนใจจากชาวอเมริกันและผู้กำกับสตีเว่น สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารของ The Mask of Zorro เมื่อเธอร่วมแสดงในผลงานมินิซีรี่ส์ของ CBS เรื่อง Titanic
ในกรุงลอนดอน ซีต้า-โจนส์มีผลงานการแสดงอันโด่งดังใน 42nd Street ก่อนจะได้รับบทในซีรี่ส์ยอดฮิตของ Yorkshire Television เรื่อง The Darling Buds of May ซึ่งสร้างจากนิยายของเอช. อี. เบทส์ (H.E. Bates)
จอห์น คูแซ็ค (John Cusack) เล่นเป็นเอ๊ดดี้ โธมัส (Eddie Thomas) ดาราดังผู้ต้องการ 'การกลับมาอีกครั้ง' วงการภาพยนตร์
คูแซ็คได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำผู้แสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยมสาขาเพลง/ตลก จากหนัง High Fidelity ของผู้กำกับสตีเฟ่น เฟรียร์ส (Stephen Frears) ซึ่งเขาได้ร่วมอำนายการสร้าง และร่วมเขียนบทกับสตีฟ พิงค์ (Steve Pink) และดี.วี. เดอวินเซนทิส (D.V. DeVincentis) คู่หูจาก New Crime Productions และผลงานเรื่องนี้ยังทำให้คูแซ็คได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก BAFTA และ Writers Guild Award อีกด้วย
ผลงานลำดับถัดไปของคูแซ็คเป็นงานโรแมนติกคอเมดี้จากค่าย Miramax เรื่อง Serendipity โดยแสดงคู่กับเคท เบคคินเซล (Kate Beckinsale), มอลลี่ แชนน่อน (Molly Shannon) และเจเรมี่ ไพเว่น (Jeremy Piven) กำกับภาพยนตร์โดยปีเตอร์ เชลซัม (Peter Chelsom)
ปี 1999 คูแซ็คแสดงนำในหนังตลกร้ายขวัญใจนักวิจารณ์เรื่อง Being John Malkovich ของผู้กำกับสไปค์ จอนซ์ (Spike Jonze) ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Independent Spirit Award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม นอกจากนั้น เขายังมีผลงานการแสดงใน The Grifters ของสตีเฟ่น เฟรียร์ส, Eight Men Out, Say Anything และ The Sure Thing รวมทั้งแสดงบทรับเชิญใน The Player ของโรเบิร์ต อัลท์แมน (Robert Altman) และ Bob Roberts ของทิม ร็อบบิ้นส์ (Tim Robbins) ผลงานเด่นเรื่องอื่นๆ ของคูแซ็คก็เช่น Cradle Will Rock, Pushing Tin, The Thin Red Line, Con Air, Midnight in the Garden of God and Evil, City Hall, Shadows and Fog, Bullets Over Broadway, Tapeheads, Fat Man and Little Boy, Postcards from the Edge, True Colors และ The Road to Wellville
นอกจากนั้น คูแซ็คยังมีผลงานการแสดงแนวคาวบอยใน The Jack Bull ทาง HBO ซึ่งเขียนบทโดยดิ๊ค คูแซ็ค (Dick Cusack) พ่อของเขาเอง นอกจากจะแสดงนำในผลงานเรื่องนี้แล้ว เขายังเป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารร่วมกับสตีฟ พิงค์ และดี.วี. เดอวินเซนทิส ภายใต้ชื่อบริษัท New Crime Productions
ก่อนนี้ คูแซ็คเคยร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้างซูซาน อาร์โนลด์ (Susan Arnold) และดอนน่า อาร์คอฟฟ์ ร็อธ (Donna Arkoff Roth) ใน Grosse Point Blank หนังตลกที่เขาอำนวยการสร้าง และร่วมเขียนบทอีกด้วย
คูแซ็คเคยกำกับละครเวทีในชิคาโก้มาแล้วหลายเรื่องในนาม New Criminals Theater Company รวมทั้งผลงานอย่าง Algazam … After the Dog Years, Methusalem และ Fear and Loathing in Las Vegas จากเรื่องของฮันเตอร์ เอส. ธอมป์สัน (Hunter S. Thompson)
ล่าสุด คูแซ็คและเพื่อนร่วมงานจาก New Crime Productions มีโครงการร่วมกับ New Line Cinema ในการสร้างและเขียนบทภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง ซึ่งบางเรื่องในจำนวนนี้ คูแซ็คก็จะนำแสดงเองอีกด้วย
แฮงค์ อาซาเรีย (Hank Azaria) รับบทเป็นเฮ็คเตอร์ (hector) นักแสดงหนุ่มชาวสเปนซึ่งเป็นคู่รักใหม่ของเกวน
อาซาเรียได้รับการยกย่องว่าสามารถสวมบทบาทได้หลากหลาย เขาเคยมีผลงานการแสดงในหนังอย่าง Godzilla, Great Expectations, Cradle Will Rock, Mystery, Alaska และ Mystery Men
เขาเคยมีผลงานที่ได้รับคำชื่นชม และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Screen Actors Guild Award จากการแสดงอันยากจะลืมลงใน The Birdcage ของผู้กำกับไมค์ นิโคลส์ และยังรับบทเป็นอัล ฟรีแมน (Al Freeman) โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ ในหนังคุณภาพของผู้กำกับโรเบิร์ต เรดฟอร์ด (Robert Redford) เรื่อง Quiz Show ผลงานอื่นๆ ของเขาก็เช่น Heat, Grosse Pointe Blank, Now and Then และ Pretty Woman
สำหรับงานทางโทรทัศน์ อาซาเรียร่วมงานกับแจ๊ค เลมม่อน (Jack Lemmon) ในภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง Tuesday with Morrie ทางสถานีโทรทัศน์ ABC ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงและดัดแปลงเป็นนวนิยายระดับเบสท์ เซลเลอร์ของ New York Times โดยมีโอปร่าห์ วินฟรี่ย์ (Oprah Winfrey) เป็นผู้อำนวยการสร้าง การแสดงในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy Award และ Screen Actors Guild Award นอกจากนั้น ยังมีผลงานใน Fail-Safe รายการสดทางโทรทัศน์
อาซาเรียเป็นผู้ให้เสียงตัวละครหลักหลายตัวในซีรี่ส์อนิเมชั่นยอดฮิตชุด The Simpsons ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัล Emmy Award จากรายการนี้ และเขายังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy Award อีกครั้งจากเรื่อง Mad About You ของสถานี NBC
อาซาเรียผ่านการฝึกฝนด้านการแสดงจาก American Academy of Dramatic Arts อันโด่งดังในนิวยอร์ค
สแตนลี่ย์ ทุคชี่ (Stanley Tucci) แสดงเป็นเดฟ คิงแมน (Dave Kingman) ผู้ซึ่งจะกลายเป็นอดีตผู้บริหารสตูดิโอไปในทันที หากผลงานหนังเรื่องใหม่ของเอ๊ดดี้กับเกวนไม่ทำเงินเปรี้ยงป้างบนตารางบ๊อกซ์ ออฟฟิศ
ทุคชี่เพิ่งจะเสร็จสิ้นการถ่ายทำหนังลำดับถัดไปของเขา ซึ่งได้แก่ Big Trouble, The Whole Shebang และ Sidewalks of New York
ความสามารถรอบด้านของทุคชี่ทำให้อาชีพในวงการบันเทิงของเขาประสบความสำเร็จด้วยดีเรื่อยมา ไม่ใช่แต่เพียงในฐานะนักแสดงฝีมือดีเท่านั้น แต่เขายังเป็นนักเขียนบท ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างที่เปี่ยมพรสวรรค์ ล่าสุดเขากำกับหนัง Joe Gould's Secret ให้กับ USA Films และยังร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้คู่กับเอียน โฮล์ม (Ian Holm) เขาเคยร่วมกำกับ ร่วมเขียนบท และแสดงในหนังเรื่อง Big Night ซึ่งกวาดรางวัลจากหลายสถาบันทั้ง Waldo Salt Screenwriting Award จากงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ รวมทั้ง Independent Spirit Award, Critics Prize จากเดอวิลล์ และรางวัลเกียรติยศจาก New York Film Critics และ Boston Society of Film Critics นอกจากนั้น เขายังเขียนบท กำกับ ร่วมอำนวยการสร้าง และแสดงในหนังเรื่อง The Impostors ซึ่งได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประจำปี 1998
นอกจากที่กล่าวมานี้ เขายังมีผลงานการแสดงใน Deconstructing Harry, A Midsummer Night's Dream, A Life Less Ordinary, Kiss of Death, It Could Happen to You, The Pelican Brief, Prelude to a Kiss และ Slaves of New York
สำหรับงานด้านโทรทัศน์ เขาแสดงเป็นอด๊อล์ฟ อีชมันน์ (Adolph Eichmann) ในภาพยนตร์ชุด Conspiracy ทาง HBO เขาเคยได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ และ Emmy Award จากบทบาทวอเตอร์ วินเชลล์ (Walter Winchell ในภาพยนตร์ชุด Winchell ทาง HBO เช่นกัน ผลงานทางโทรทัศน์เรื่องอื่นๆ ของเขาก็เช่น Wiseguy, Thirtysomething และ The Street และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชองรางวัล Emmy Award จาก Murder One ของสตีเว่น บ๊อคโค่ (Steven Bochko)
ในส่วนของละครบรอดเวย์ เขาเคยปรากฏตัวใน Execution of Justice, The Iceman Cometh, Brighton Beach Memoirs และ The Misanthrope
คริสโตเฟอร์ วอลเก้น (Christopher Walken) แสดงเป็นฮาล ไวด์แมนน์ (Hal Weidmann) ผู้กำกับภาพยนตร์ผู้คร่ำหวอดในวงการ
วอลเก้นฝากผลงานการแสดงเอาไว้มากมาย เชช่น Sleepy Hollow และ Batman Returns ของทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) Pulp Fiction ของเควนติน ตารันติโน่ (Quentin Tarantino) และ King of New York, The Funeral และ The Addition ของอเบล เฟอร์ราร่า (Abel Ferrara)
บทบาทการแสดงอันโดดเด่นในหนัง The Deer Hunter ของผู้กำกับไมเคิล ชิมิโน่ (Michael Cimino) ทำให้เขาได้รับรางวัล New York Film Critics Award และรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ผลงานเรื่องอื่นๆ ของเขาก็เช่น Joe Dirt และ The Affair of the Necklace ที่กำลังจะออกฉาย รวมทั้ง Annie Hall, Pennies from Heaven, The Dead Zone, True Romance, Illuminata และ The Opportunists
งานแสดงละครเวทีทำให้วอลเก้นได้รับรางวัล Obie Award, The Clarence Derwent, The Theatre World Award และล่าสุดคือการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Tony Award จาก The Dead ของเจมส์ จอยซ์ (James Joyce)
อลัน อาร์กิ้น (Alan Arkin) รับบทเป็นผู้ชี้ทางสว่าง และคอยช่วยเหลือเยียวยาจิตใจเอ๊ดดี้ ทำให้เขาสามารถกลับฟื้นคืนมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง (ยังมีต่อ)
-อน-