(ต่อ1) จูบอหังการ ล่าข้ามโลก กำหนดฉาย 3 สิงหาคม 2544

ข่าวทั่วไป Monday July 9, 2001 09:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--บัวนา วิสต้า อินเตอร์เนชั่นแนล
เมื่อขั้นตอนการเขียนบทรุดหน้า และสถานที่ถ่ายทำระบุเรียบร้อยแล้วนั้น เบซงก็เริ่มต้นคัดเลือกตัวแสดงหลัก สำหรับบทของเจสสิก้านั้น เขาเจาะจงไปที่บริดเจต ฟอนดา ซึ่งได้แสดงในหนังเรื่อง La Femme Nikita, Point of No Return ของลุค เบซง เวอร์ชันอเมริกันโดยบังเอิญ และฟอนดาก็รีบคว้าโอกาสการทำงานร่วมกับเบซงโดยทันที ทั้งๆ ที่บทหนังยังไม่เสร็จ และตัวเขาก็ยังไม่ยอมเปิดเผยเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งหมดก็ตาม "ฉันชื่นชมหนังของลุคเอามากๆ จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวละครหญิงของเขาน่ะ" ฟอนดากล่าว "ตอนพบเขา เขาเก็บทุกอย่างเงียบกริบ โดยให้สคริปต์มาอ่านแค่ 2-3 หน้าเท่านั้นเอง และต่อมาที่ฉันรู้ก็คือ ฉันได้เล่นหนังของเขา โดยที่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า เป็นหนังเกี่ยวกับอะไร ตัวละครเป็นใคร แต่ฉันก็เชื่อใจเขานะ"
ฟอนดาบอกว่า เธอคิดถูกที่ไว้ใจเขา เมื่อเธอได้อ่านบทหนังทั้งหมด หลังจากเดินทางมาปารีส เพื่อเริ่มต้นการถ่ายทำ "ฉันคิดว่า เจสสิก้า ตัวละครของฉันน่าสนใจเป็นอย่างมาก เธอเป็นคนตลก เศร้า และสับสนในเวลาเดียวกัน เธอเป็นคนอ่อนหวาน แต่ก็เป็นคนหลงทาง ที่ไม่ค่อยมองอะไรไกลตัว และเธอก็ดูเป็นคนสิ้นหวังด้วย ชีวิตของเธอต้องตกอยู่ในฝันร้าย และวิธีที่เธอรับมือกับมันก็คือ ไม่มองอะไรใกล้จนเกินไป เธอเป็นคนแปลก เหมือนกับสุนัขที่ถูกทิ้งไว้กลางฝนเป็นเวลานาน จนแม้กระทั่งความสุขเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นก็รู้สึกขอบคุณมากๆ แล้ว"
นอกจากนี้ เบซงยังเลือกเชกี คาร์โย ซึ่งร่วมแสดงในหนังฝีมือกำกับของเบซงเรื่อง La Femme Nikita และ The Messenger มารับบทเป็นริชาร์ด ผู้ร้ายของเรื่อง ตัวคาร์โยเองก็เช่นเดียวกับฟอนดา คือยังไม่ได้อ่านสคริปต์ที่กำลังดำเนินการอยู่ก่อน เขาพยายามเชื่อว่า เขาเลือกได้ถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตาม "การทำงานร่วมกับลุค ผมก็รู้โดยไม่ต้องอ่านบทแล้วล่ะว่า บทที่ผมได้จะต้องเป็นเป็นตัวละครเด่น และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย" คาร์โยสรุป
และแล้วความเชื่อมั่นของคาร์โยก็ได้รับการตอบแทน ซึ่งแม้ว่าความกระหายอำนาจอันแสนชั่วช้าของริชาร์ดนั้นจะยากแก่การทำความเข้าใจก็ตาม แต่บทบาทนี้ก็มีหลายระดับให้คาร์โยต้องแสดงฝีมือเช่นกัน "ตัวริชาร์ดนั้นต้องแสดงอารมณ์ต่างๆออกมามากมาย" คาร์โยกล่าว "ต้องแสดงอารมณ์แบบสุดขั้ว ทั้งแบบโกรธจนถึงขีดสุด และก็ไม่แสดงอารมณ์อะไรเลย อันเป็นวิธีของริชาร์ดในการเล่นกับจิตใจคนอื่น บางทีเขาอาจจะแอบหลงรักเจสสิกาอยู่ก็ได้นะ ผมสนุกมากที่ได้โลดแล่นไปกับตัวละครที่มีความซับซ้อนและหลากหลายทางอารมณ์ตัวนี้"
และเมื่อทั้งคาร์โย ฟอนดา และลีเซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เบซงก็ยังคงตามหาชิ้นส่วนที่ขาดหายไป นั่นคือ ตำแหน่งผู้กำกับของเรื่องนั่นเอง ตัวเบซงนั้นชื่นชมผลงานของผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชาวฝรั่งเศส คริส นาห์องมานานแล้ว พร้อมกับคิดว่า นาห์องจะเป็นคนจับอารมณ์ของหนังเรื่องนี้ได้ดี เช่นเดียวกับความซับซ้อนด้านเทคนิคด้วย ส่วนนาห์องเองก็ตอบรับการร่วมงานกับเบซง และลีด้วยความยินดี "ลุคและเจ็ตต่างก็นำความคิดอันเยี่ยมยอดมาสู่การสร้าง" นาห์องกล่าว "ตัวลุคเองก็ทำหนังมานานแล้ว ส่วนเจ็ตก็เป็นที่รู้จักในวงการหนังแอ็กชันเป็นอย่างมากทีเดียว เราแต่ละคนต่างก็นำสิ่งต่างๆ มารวมเข้าไว้ในโปรเจกต์นี้ เราทำงานเป็นทีมน่ะ"
นาห์องเองก็เห็นพ้องกับมุมมองของลีและเบซงว่า KISS OF THE DRAGON ควรผสมผสานทั้งแอ็กชันและดรามา "ความท้าทายเป็นอย่างยิ่งก็คือ การสร้างหนังแอ็กชัน ที่ไม่ทำให้คนดูเบื่อระหว่างฉากต่อสู้" นาห์องอธิบาย "สำหรับ KISS OF THE DRAGON แล้ว เราต้องการเรื่องราวที่เหมือนจริง และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของเจ็ตและบริดเจตมากทีเดียว"
"มันมีอะไรมากกว่าหนังแอ็กชันธรรมดาๆ นะ" ฟอนดากล่าว "ช่วงดรามา และความเปราะบางของตัวละครจะช่วยให้หนังแอ็กชันดูน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น เพราะคุณจะให้ความสนใจกับคนที่จะต้องเสี่ยงกับทุกสิ่งแบบนี้"
ความสมดุลระหว่างแอ็กชันและดรามานั้นเป็นส่วนสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ และจุดศูนย์กลางก็อยู่ที่เจ็ต ลี ซึ่งตัวเขาก็ทำให้ทั้งนักแสดงและทีมสร้างทุกคนประทับใจ "เจ็ตนับเป็นกวีแห่งโลกภาพยนตร์ได้เลยทีเดียว" ฟอนดากล่าว "และมันก็เกิดมาจากคนที่ได้เติบโตมากับบรู๊ซ ลี ฉันประทับใจท่าเตะไหเหล้าน่ะ" นอกจากนี้ฟอนดายังชื่นชมความแตกต่างหลายๆ อย่างของลีอีกด้วย "เขาทั้งขี้อายและเข้มแข็ง อ่อนโยแต่อันตราย ทั้งเงียบและเปิดเผยด้วย" (ยังมีต่อ)
-อน-

แท็ก อเมริกัน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ