กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--IR network
"ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม" มีเฮ! นิคมทีเอฟดี 2 พื้นที่ 841 ไร่ ผ่านการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม EIA แล้ว พร้อมกวาดยอดขายจากโครงการมูลค่าร่วม 7 พันล้านบาท "อภิชัย เตชะอุบล" ลั่นปีนี้ผลงานโตกว่า 300% แตะ 4 พันล้านบาทแน่นอนหลังทุกสายธุรกิจไปได้สวย พร้อมส่งซิกไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไปลุ้นงบแรงชัดเจนอานิสงส์จากทั้งขายที่นิคมฯและเปิดขายโครงการคอนโดพรีเมี่ยมย่านรัชดาภิเษกที่จับมือร่วมกับยักษ์อสังหาฯ จีน "คันทรี การ์เด้น" มูลค่าโครงการ 6,800 ล้านบาท ขณะที่ฐานทุนแข็งแกร่งหลังได้เงินเพิ่มทุนกว่า 500 ล้านบาทเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุน พร้อมกับพลิกมีกำไรเติบโตได้ต่อเนื่อง
นายอภิชัย เตชะอุบล รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TFD เปิดเผยว่า โครงการนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 ทั้งหมดจำนวน 841 ไร่ ได้ผ่านการอนุมัติผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) จากสำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจอนุญาตตามกฎหมายแล้ว ซึ่งทำให้สามารถจัดสรรที่ดินและออกโฉนดเพื่อขายต่อไปได้ทันที
ทั้งนี้ โครงการนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 มีทำเลเชื่อมต่อกับนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 1 โดยตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ถือว่าอยู่ในโซนแผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development: EEC) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน อยู่ห่างจากมอร์เตอร์เวย์เพียง 4 กิโลเมตร ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ และท่าเรือแหลมฉะบัง โดยมูลค่าโครงการทั้งสิ้นอยู่ที่ราว 7 พันล้านบาท
"ปีนี้คงเทิร์นอะราวด์ได้ไม่ยาก เพราะตอนนี้ทีเอฟดี 2 ได้รับอนุมัติ EIA ทั้งโครงการแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมามีลูกค้าต่างชาติเจรจาติดต่อขอซื้อพื้นที่เพื่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่หลายราย และก็มีลูกค้าคนไทยแสดงความสนใจเข้ามาด้วยเช่นกันเพราะที่ดินของเราอยู่บนทำเลที่ดีมาก จึงมั่นใจว่าไม่นานก็น่าจะขายได้ทั้งหมดตามเป้าหมาย สามารถรับรู้รายได้ และมีแนวโน้มพลิกฟื้นผลประกอบการที่ดีขึ้นได้ทันที และได้เตรียมพัฒนาเฟส 3 เพิ่มอีก1,500 ไร่ และจะขอ EIA ในพื้นที่โซนที่เหลือ จากพื้นที่ทั้งหมด 2.5 พันไร่ มูลค่ารวม 2.25 หมื่นล้านบาทเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในอนาคตด้วย"
นายอภิชัย กล่าวต่อว่าในปี 2560 ยังมั่นใจว่าจะผลักดันรายได้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ประมาณ4,000 ล้านบาท ขยายตัวกว่า 300% จากปีก่อนที่ทำได้ 986 ล้านบาท เนื่องจากทุกธุรกิจได้แก่ นิคมอุตสาหกรรม,โรงงานมาตรฐานและคลังสินค้า, อาคารชุดพักอาศัย, สำนักงานให้เช่า, รับบริหารทรัพย์สิน และบริหารจัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะยอดขายที่ดินซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 200 ไร่ จะได้รับผลดีโดยตรงจากการที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 ผ่าน EIA แล้ว
นอกจากนี้ ในไตรมาส 3 /2560 นี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมและเรสซิเด้นท์ระดับพรีเมี่ยม 34 ชั้น จำนวน 4 ตึก รวมทั้งสิ้น 1,337 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,800 ล้านบาท บนพื้นที่ 8 ไร่เศษ ขนาดพื้นที่ก่อสร้าง 120,000 ตารางเมตร ทำเลย่ายถนนรัชดาภิเษก ติดเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT โดยเป็นโครงการที่ร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท คันทรี การ์เด้น กรุ๊ป ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งจากประเทศจีน จึงคาดว่าน่าจะเริ่มการรับรู้รายได้ในส่วนนี้ด้วย ซึ่งจะทำให้ภาพรวมตลอดครึ่งปีหลังเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
ด้านโครงการ The Harbour View Residents คอนโดมิเนียม 25 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ในย่านคลองเตย มูลค่าราว 1.64 พันล้านบาท ที่ตกลงขายไปแล้สทั้งหมดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาและได้รับเงินชำระไปแล้ว 2 งวดรวม 82ล้านบาท เหลือการทยอยรับรู้ยอดชำระอีกทั้ง 3 งวด โดยงวดสุดท้าย 697 ล้านบาท จะรับรู้ภายในวันที่ 30 มิ.ย.2561ซึ่งจะสนับสนุนภาพรวมตลอดครึ่งหลังปี 2560 ไปจนถึงปีหน้าเติบโตให้ได้อีก
"ยอดขายจากโครงการนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นการเติบโตแบบก้าวกระโดดในธุรกิจที่อยู่อาศัย เราตั้งใจจะมีความร่วมมืออื่นๆ กับพันธมิตรรายสำคัญนี้อีก นอกเหนือจากโครงการที่เราพัฒนาเอง ซึ่งตอนนี้ฐานเงินทุนของบริษัทฯ มีความแข็งแรงมาก หลังจากได้เงินสนับสนุนจากทั้งการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) รับเงินมาราว 500 ล้านบาท และยังจะมีกระแสเงินสดเข้ามาอีก จากการบันทึกรับรู้โครงการอื่นๆที่ขายได้ไปแล้วเป็นจำนวนมากด้วย เช่นThe Harbour View Residents มีการชำระมาแล้ว 2 งวด เหลืออีก 3 งวดจะรับรู้ทั้งหมดไม่เกินกลางปีหน้า ทำให้จากนี้ไปเรามีความคล่องตัวที่จะลงทุนเพิ่มเติมไปพร้อมๆ กับพลิกมีกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง" นายอภิชัย กล่าวในที่สุด