กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ได้จัดตั้งขึ้นทั่วประเทศ เมื่อ 16 ปีที่แล้ว เพื่อเสริมสร้างกระบวนการพึ่งพาตนเองของประชาชนในหมู่บ้านและชุมชนเมืองในด้านการเรียนรู้ การสร้างและพัฒนาความคิดริเริ่ม และการแก้ไขปัญหา ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในหมู่บ้านและชุมชนเมืองเอง โดยรัฐบาลจัดสรรโอนเงินให้กองทุนละ ๑ ล้านบาท พร้อมทั้งเสริมสร้างและพัฒนากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้มีขีดความสามารถในการจัดระบบบริหารจัดการเงินกองทุนหมุนเวียนให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งปรากฏว่ากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้อย่างดีจนรัฐบาลให้โอกาสเพิ่มทุน และเพิ่มบทบาทให้ช่วยดำเนินการในเรื่องการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน มาโดยตลอด
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้กำหนดนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้มีโอกาสในการแก้ไขปัญหาความยากจน และการลดความเหลื่อมล้ำ โดยสนับสนุนให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน เพื่อการลงทุนในการสร้างอาชีพ สร้างงาน และรายได้ของประชาชนในหมู่บ้าน และชุมชน ช่วยส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดการออมของประชาชนเพื่อความมั่นคงในรากฐานของชีวิตและครัวเรือน จัดระบบสวัสดิภาพ สวัสดิการของหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันทางสังคม โดยประชาชน เพื่อประชาชน ตลอดจนสร้างสวัสดิการที่จะกลับคืนสู่สมาชิก หมู่บ้าน และชุมชน จากการดำเนินงานมา 16 ปี ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ก่อให้เกิดสิ่งดีๆขึ้นมากมาย ที่เป็นรูปธรรม อาทิ ร้านค้าประชารัฐ 19,306 แห่ง ตลาดประชารัฐ 1,359 แห่ง สินค้าจากกองทุนหมู่บ้าน กว่า 10,000 รายการ โรงน้ำดื่มชุมชนกว่า 10,000 แห่ง สามารถมีเงินสมทบเข้ากองทุนกว่า 5,600 ล้านบาท ส่งเสริมการออมกว่า 18,600 ล้านบาท เงินประกันความเสี่ยงกว่า 1,890 ล้านบาท เงินจัดสวัสดิการกว่า 3,450 ล้านบาท และเมื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ 17 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานราก ตามแนวคิด LOCAL ECONOMY ที่มุ่งมั่นพัฒนากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นด้านกฎหมาย ระบบบัญชีการเงิน การพัฒนาธุรกิจ และเทคโนโลยี
นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สรุปการจัดกิจกรรมในโอกาสครบรอบ 16 ปี และการก้าวเข้าสู่ปีที่ 17 ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติในวันที่ 26 กรกฎาคม นี้ว่าจะมีการมอบนโยบายในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 17 ของประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ภายใต้ศาสตร์พระราชา ว่าด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 10 ได้แก่ การทำความเข้าใจถึงความสำคัญในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน ให้ถ่องแท้ ร่วมกันคิดร่วมกันทำ ด้วยความอุตสาหะ เสียสละ และด้วยความสุจริตจริงใจ ยึดถือประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นเป็นหลักด้วยปณิธานอันแน่วแน่ และความร่วมมือร่วมใจ สานพลังตามแนวทางประชารัฐในทุกภาคส่วน ทั้งภาคี และเครือข่าย ทั่วประเทศ ที่ยังคงพร้อมที่จะจับมือร่วมมือกัน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยมุ่งหวังว่า จะเกิดการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และเกิดพลังความร่วมมือ ตามนโยบายและเจตนารมย์ของรัฐบาล ให้มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตลอดไป