กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 เห็นชอบมาตรการภาษีส่งเสริมการลงทุนในประเทศเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น อันจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้ตามเป้าหมาย บัดนี้ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 642) พ.ศ. 2560 มีผลใช้บังคับแล้ว โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2560 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายเพื่อการลงทุน หรือการต่อเติมเปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม ตามมาตรา 65ตรี (5) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจำนวนร้อยละ 1.5 เท่าของรายจ่ายตามจำนวนที่จ่ายจริง (โดย 1 เท่าแรกเป็นการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินตามจำนวนและระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดตามปกติ ส่วนอีก 0.5 เท่า เป็นการหักรายจ่ายเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ วิธี และเงื่อนไขที่กำหนด) ทั้งนี้ สำหรับรายจ่ายเพื่อการลงทุนที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2560
2. หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข
2.1 ต้องเป็นการลงทุนในทรัพย์สินดังต่อไปนี้
(1) เครื่องจักร ส่วนประกอบ อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้เครื่องตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ (2) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (3) ยานพาหนะที่จดทะเบียนในราชอาณาจักร และ(4) อาคารถาวร
2.2 ทรัพย์สินตามข้อ 2.1 ต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
(1) ไม่เคยผ่านการใช้งาน (2) ต้องสามารถหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินได้ โดยทรัพย์สินนั้นต้องได้มาและอยู่ในสภาพพร้อมใช้การตามประสงค์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เว้นแต่ทรัพย์สินเฉพาะเครื่องจักร (3) ต้องอยู่ในราชอาณาจักร เว้นแต่ยานพาหนะ (4) ไม่เป็นทรัพย์สินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากร (5) ไม่เป็นทรัพย์สินที่นำไปใช้ในกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน
2.3 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะใช้สิทธิจะต้องจัดทำโครงการลงทุนและแผนการจ่ายเงิน และแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากร
2.4 การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับทรัพย์สินแต่ละประเภทให้เป็นไปตามตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักนโยบายภาษี
โทร. 02-273-9020 ต่อ 3513