กรุงเทพฯ--2 ส.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงเกษตรฯ จัดพิธีลงนาม MOU การซื้อ – ขาย แพะมีชีวิตเพื่อการบริโภค ระหว่าง เครือข่ายเกษตรกรเลี้ยงแพะแกะแห่งประเทศไทย กับ บริษัท พรีโม อะโกร เวนเชอร์ ประเทศมาเลเซีย หนุนสร้างมาตรฐานเปิดตลาดการค้าสัตว์เลี้ยง เพื่อการบริโภคในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
วันนี้ (27 ก.ค. 60) เวลา 14.30 น. พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีการลงนามบันทึกความเข้าใจการซื้อ – ขาย แพะมีชีวิตเพื่อการบริโภค ระหว่าง เครือข่ายเกษตรกรเลี้ยงแพะแกะแห่งประเทศไทย (Thailand Goat Sheep Farmers Network) กับ บริษัท พรีโม อะโกร เวนเชอร์ (Primo Agro Ventures Sdn. Bhd.) ประเทศมาเลเซีย ณ ห้องประชุม 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
?พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของอาหารปลอดภัย(Food Safety) เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ของไทย จึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มเพื่อผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพมาตรฐาน และปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของคู่ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจากการส่งเสริมดังกล่าวส่งผลให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจระหว่างเครือข่ายเกษตรกรเลี้ยงแพะแกะแห่งประเทศไทย (Thailand Goat Sheep Farmers Network) กับ บริษัท พรีโม อะโกร เวนเชอร์ (Primo Agro Ventures Sdn. Bhd.) ประเทศมาเลเซีย โดยการลงนามบันทึกความเข้าใจการซื้อ – ขาย แพะมีชีวิตเพื่อการบริโภคนี้ มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เป็นต้นไป โดยมีกำหนดระยะเวลา 1 ปี โดยการต่ออายุบันทึกความเข้าใจจะกระทำได้เมื่อทั้งสองฝ่ายแสดงเจตนาร่วมกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน ก่อนระยะเวลาที่กำหนดในบันทึกความเข้าใจจะสิ้นสุดลง เพื่อเป็นการส่งเสริมการเปิดตลาดการค้าสัตว์เลี้ยงเพื่อการบริโภคในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ก่อให้เกิดความเป็นธรรมกับคู่ค้า มีการส่งซื้อ และส่งมอบอย่างต่อเนื่อง เป็นการสร้างมาตรฐานการส่งออก และการนำเข้าสัตว์เลี้ยงเพื่อการบริโภค รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาการเลี้ยงแพะในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ทั้งนี้ ในปี 2559 ประเทศไทยมีจำนวนแพะทั้งหมดกว่า 520,765 ตัว เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะกว่า 40,591 ครัวเรือน ซึ่งเป็นแพะเนื้อ จำนวน 515,093 ตัว หรือกว่าร้อยละ 98.9 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยสามารถผลิตแพะเนื้อออกสู่ตลาดเพื่อบริโภคทั้งภายในและภายนอกประเทศกว่า 309,056 ตัว ส่วนใน ปี 2560 คาดว่าไทยจะมีจำนวนแพะทั้งหมดกว่า 645,000 ตัว จำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะกว่า 50,000 ครัวเรือน โดยพื้นที่ภาคใต้มีการเลี้ยงแพะมากที่สุด ทั้งนี้ การบริโภคเนื้อแพะของคนไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี พ.ศ. 2559 การบริโภคเนื้อแพะได้เพิ่มขึ้นจาก ปี 2558 กว่าร้อยละ 53
ขณะที่การนำเข้า - ส่งออก ไทยมีการนำเข้าทั้งแพะมีชีวิตและหนังแพะจากประเทศเมียนมาร์ และนำเข้า ขนแพะจากประเทศจีน รวมทั้งนำเข้าสายพันธุ์แพะจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยปริมาณการนำเข้าแพะมีชีวิตในปี 2559 อยู่ที่ 20,573 ตัว คิดเป็นมูลค่า 8 ล้านกว่าบาท และในปี 2559 ไทยส่งออกแพะมีชีวิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คิดเป็นมูลค่ากว่า 44 ล้านบาท รวมทั้งส่งออกขนแพะไปยังสหรัฐอเมริกากว่า 2 แสนบาท
ด้าน นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ การซื้อ – ขาย แพะมีชีวิตเพื่อการบริโภคในครั้งนี้ จะมีการส่งแพะไปประเทศมาเลเซีย จำนวนเดือนละ 1,000 ตัว ขนาดน้ำหนักตัวประมาณ 25 – 40 กิโลกรัม โดยแพะที่จะส่งมอบจะต้องผ่านการถ่ายพยาธิ และตรวจรับรองสุขภาพจากกรมปศุสัตว์ โดยการส่งออกแพะในครั้งนี้ มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 3 ล้านบาท ต่อเดือน หรือเกือบ 40 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ ได้มีการจัดทำโครงการเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแพะ ดังนี้ (1) ระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่แพะเนื้อ ซึ่งปัจจุบันมีแปลงใหญ่แพะ จำนวน 22 แปลง เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (2) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแพะ เพื่อปรับเปลี่ยนอาชีพที่ไม่เหมาะสม เป้าหมายแพะ 4,736 ตัว โดยขอใช้เงินกู้ของ ธ.ก.ส และ (3) โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงแพะเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในเขต ส.ป.ก. เป้าหมายแพะจำนวน 1,240 ตัว โดยใช้เงินงบปกติ นอกจากนี้ ยังมีโครงการอื่นๆ เช่น วิจัยและพัฒนาแพะพันธุ์แท้ วิจัยสร้างแพะสายพันธุ์กรมปศุสัตว์ วิจัยและพัฒนาแพะพันธุ์พื้นเมือง และการขยายพันธุ์แพะด้วยการผสมเทียมและการย้ายฝากตัวอ่อน