กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--กฟผ.
นายธนา พุฒรังษี ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติ การด้านการใช้ไฟฟ้า กฟผ. กล่าวถึงการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (DSM) ว่า หลังจากที่ กฟผ.ได้ออกฉลากให้กับผู้ผลิตตู้เย็น แอร์ และข้าวกล้องตามโครงการประชาร่วมใจใช้ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศประหยัดไฟฟ้า และข้าวกล้องเบอร์ 5 ไปแล้ว ปรากฏในส่วนของเครื่องปรับอากาศ ตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือนกันยายน 2538 ได้แจกฉลากเบอร์ 5 ไปแล้วประมาณ 641,957 ดวง เบอร์ 4 แจกไปแล้ว 41,126 ดวง รวมทั้งหมด 683,083 ดวง ภายใต้ยี่ห้อต่างๆ อาทิ ชาร์ป, ซัมซุง, ซันโยฯลฯจากทั้งหมด 75 บริษัท ในขณะที่ตู้เย็น ตั้งแต่เริ่มโครงการ ในปี 2538 กฟผ.แจกฉลากไปแล้วเป็นจำนวน 5,526,071 ดวง แบ่งเป็น ตู้เย็นเบอร์ 5 จำนวน 1,600,399 ดวง ตู้เย็นเบอร์ 3 จำนวน 132,597 ดวง จากตู้เย็นทั้งหมด 23 ยี่ห้อ อาทิ เนชั่นแนล, ซัมซุง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ กฟผ.ได้แจกฉลากประหยัดไฟไปให้ผู้ผลิตเหล่านี้ไประยะหนึ่งแล้ว ทาง กฟผ.ได้ทดลองสุ่มตัวอย่างสินค้าเหล่านี้กลับไปให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) มาตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้งหนึ่งว่า ยังคงตรงตามข้อกำหนดการประหยัดไฟที่ระบุไว้ในฉลากหรือไม่ ล่าสุดพบว่าสินค้าที่มีปัญหามากที่สุดคือ "เครื่องปรับอากาศ" กับ "ข้าวกล้อง" โดยจากการสุ่มตรวจคุณภาพของเครื่องปรับอากาศใน 3 ขั้นตอน พบว่า ขั้นตอนแรกเครื่องปรับอากาศ จำนวน 41 รุ่นที่สุ่มมา ไม่ผ่านการทดสอบครั้งแรก 20 รุ่น เมื่อทำการทดสอบขั้นที่ 2 ไม่ผ่าน 6 รุ่น โดยสินค้าดังกล่าวมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่ระบุในฉลาก ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ กฟผ.จึงได้ทำหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการ 5 ยี่ห้อทราบเพื่อให้ทำการเปลี่ยนแปลงฉลากให้ถูกต้องและมีบทลงโทษโดยให้หยุดร่วมโครงการนี้ประมาณ 6 เดือน
ส่วนข้าวกล้อง ซึ่งเริ่มโครงการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2542 ได้มีการแจกฉลากไปแล้วประมาณ 58 ยี่ห้อ จำนวน 2,135,752 ดวง เมื่อทำการสุ่มตัวอย่างข้าวกล้องมาตรวจสอบพบว่ามีการนำข้าวประเภทอื่นมาผสมลงในข้าวกล้องที่ได้ฉลากประหยัดไฟ ดังนั้น กฟผ.จึงได้ทำหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการดึงฉลากออกจำนวน 10 ยี่ห้อ เพราะหากติดไว้จะเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค ในอนาคต กฟผ.จะทำการรณรงค์ให้มีการประหยัดไฟฟ้ากันมากขึ้น โดยในปี 2001 กฟผ.มีแผนที่จะเพิ่มเปอร์เซ็นต์การประหยัดไฟฟ้าของตู้เย็นเบอร์ 5 อีก 20% ซึ่งจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้และพลังงานของประเทศได้อีกทางหนึ่ง
ทางด้านนายเฉลิมชัย รัตนรักษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการจัดซื้อ ไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงแผนการจัดซื้อไฟฟ้าของ กฟผ.ว่า หลังจากที่จัดทำแผนการใช้ไฟฟ้าที่เรียกว่า "PDP 2000" เสร็จแล้ว ทาง กฟผ.อาจจะต้องจัดทำแผนการซื้อไฟฟ้าจากต่าง ประเทศใหม่ โดยเฉพาะการซื้อไฟฟ้าจาก สปป. ลาว ตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง 2 ฝ่ายได้กำหนดให้ไทยซื้อไฟฟ้าจากลาวประมาณ 3,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ซื้อไฟฟ้าจากลาวไปแล้วประมาณ 500 เมกะวัตต์ ยังคงเหลืออีก 2,500 เมกะวัตต์จากโครงการน้ำงึม 2, น้ำงึม 3, หงสาลิกไนต์, เซเปียน-เซน้ำน้อย และเซคามาน ซึ่งในแผนการรับซื้อไฟฟ้าไทยจะรับซื้อครบตามจำนวนภายในเดือนมีนาคม 2551
"ส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าช่วง 9 เดือนของปีนี้ ปรากฏ กฟผ.มีการใช้พลังน้ำ 5.54% น้ำมันเตา 13.09% ลิกไนต์ 15.85% ก๊าซธรรม ชาติ 36.94% น้ำมันดีเซล 0.19% นอกจากนี้ยังมีการซื้อไฟฟ้าจาก เอ็กโก้-SPP-IPP อีก 25.53% ที่เหลือจะเป็นการซื้อไฟฟ้าจากลาวและมาเลเซียอีกร้อยละ 2.85" นายเฉลิมชัยกล่าว E-MAIL ADDRESS ติดต่อกองบรรณาธิการ pcc@matichon.co.th บริการสืบค้นข้อมูลข่าวสารเปิดบริการแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไปให้บริการสืบค้นข้อมูลข่าวสารจากแฟ้มข่าวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเมืองไทยพร้อมข่าวสารจากนิตยสารและสิ่งพิมพ์อื่นๆ
ติดต่อสอบถามรายละเอียด 589-0020 , 580-0021 ต่อ 1102,1105--จบ--
-สส-