กรุงเทพฯ--3 ส.ค.--โอกิลวี พีอาร์ พับลิค รีเลชั่นส์
การพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรสมัยใหม่จำเป็นต้องอาศัยพลังจากเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยเริ่มบ่มเพาะจากการเปิดโอกาสให้เข้าถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงการ ให้เยาวชนมีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการทำงานกับองค์กรธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมเกษตร ล้วนช่วยเสริมสร้างทัศนคติที่ดีต่ออาชีพด้านเกษตรกรรม เพื่อให้เยาวชนมีความเชื่อมั่นว่าการประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร สามารถสร้างรายได้เลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ในภาคการเกษตรที่ประเทศไทยกำลังประสบอยู่
โครงการทุนการศึกษากลุ่มมิตรผลสำหรับเยาวชนจัดขึ้นประจำทุกปี โดยปีนี้เป็นปีที่ 5 นอกจากการสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาแล้ว นักเรียนนักศึกษาที่ได้รับทุนจากโครงการทวิภาคีและค่ายมิตรผลแคเรียร์ แคมป์ (Mitr Phol Career Camp) ยังมีโอกาสเปิดโลกทัศน์ในอุตสาหกรรมเกษตรแบบ 4.0 โดยกลุ่มมิตรผลเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ตั้งแต่การบริหารจัดการไร่แบบสมัยใหม่ กระบวนการผลิตน้ำตาลไปจนถึงการต่อยอดสร้างคุณค่าเพิ่มจากอ้อย ทั้งยังได้ฝึกฝนทักษะการทำงานต่างๆ ในสำนักงาน เพื่อความเข้าใจกระบวนทำงานภาคอุตสาหกรรมการเกษตรอย่างครบวงจร พร้อมพัฒนาทักษะ ที่จำเป็นต่อการทำงานในยุคปัจจุบัน เช่น ทักษะภาษาอังกฤษ และไอที
นอกจากนั้น นักศึกษาจากโครงการทวิภาคียังได้เข้ารับการสอบวัด "มาตรฐานวิชาชีพแบบเยอรมันระดับอาชีวศึกษา" จากหอการค้าเยอรมัน-ไทย เพื่อวัดความพร้อมด้านทักษะการประกอบอาชีพ เป็นบุคลากรคุณภาพมาตรฐานสากลด้านเกษตรกรรมสมัยใหม่ที่พร้อมต่อทำงานในองค์กรระดับสากลด้วย นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ไม่ยิ่งใหญ่แต่น่าภาคภูมิใจ ที่มีนักศึกษาทุนจากโครงการทวิภาคี รุ่นที่ 1 จบการศึกษาและได้รับประกาศนียบัตร "มาตรฐานวิชาชีพแบบเยอรมันระดับอาชีวศึกษา" จากหอการค้าเยอรมัน-ไทย รวมทั้งสิ้น 148 คน เยาวชนเหล่านี้ล้วนมีความพร้อมที่จะประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมเกษตรในยุค 4.0 ได้อย่างมั่นใจ
ธนภัทร จุลวงษ์ หนึ่งในเยาวชนที่ได้รับทุนการศึกษามิตรผล ปี 2558 จากโครงการทวิภาคี รุ่นที่ 1 จบการศึกษาในสาขาพืชศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น และได้คะแนนสูงสุดในสาขาวิชาพืชศาสตร์จากการทดสอบมาตรฐานวิชาชีพแบบเยอรมันระดับอาชีวศึกษา เล่าให้ฟังว่า "ในฐานะผู้ได้รับทุนการศึกษามิตรผล ผมมีโอกาสฝึกงานจริงในไร่ ได้รู้จักคุ้นเคยกับพี่ป้าน้าอาชาวไร่เลยครับ ได้รับรู้ถึงสภาพปัญหาจริง ระดับความสมบูรณ์ในไร่อ้อยแต่ละราย ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์มาก และยังได้เรียนรู้การเกษตรสมัยใหม่หรือโมเดิร์นฟาร์ม ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตโดยไม่ต้องใช้แรงงานคนมากเหมือนสมัยก่อน รวมทั้งการจัดการที่ดีเพื่อสภาพแวดล้อม เช่น ลดการเผาอ้อย เอาใบอ้อยคลุมดินเพื่อปรับสภาพดินให้ดีขึ้น ทำให้ผมมั่นใจว่าในอนาคตเมื่อกลับไปทำไร่ที่บ้าน สามารถนำหลักการเกษตรกรรมสมัยใหม่ที่ได้เรียนรู้ไปปรับใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างมั่นคง"
ด้านอรรถพล แสงกระจ่าง ซึ่งได้รับทุนการศึกษามิตรผล ปี 2558 จากโครงการทวิภาคี รุ่นที่ 1 จบจากสาขาเทคนิคเครื่องกล วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี แห่งที่ 2 และได้คะแนนสูงสุดในสาขาวิชาเทคนิคเครื่องกลจากการทดสอบมาตรฐานวิชาชีพแบบเยอรมันระดับอาชีวศึกษา กล่าวว่า "ครอบครัวมผมทำไร่อ้อย นาข้าว จึงสนใจอยากเรียนรู้การใช้เครื่องจักรการเกษตร เพื่อจะนำความรู้ไปพัฒนากิจการที่บ้าน การได้รับทุนการศึกษา กลุ่มมิตรผล ทำให้ผมได้รู้จักการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในกระบวนการผลิต เมื่อมาฝึกงาน ส่วนผลิต ก็ได้เรียนรู้กระบวนการผลิตน้ำตาล ตั้งแต่ดูแลลูกหีบ หม้อต้ม เคี่ยว ปั่น เก็บเกี่ยว งานฝ่ายซ่อมบำรุง รวมถึงกระบวนการผลิตไฟฟ้าชีวมวลที่ต่อยอดมาจากกระบวนการผลิตน้ำตาล นอกจากนั้น การทดสอบมาตรฐานวิชาชีพก็เป็นการเตรียมพร้อมที่สำคัญมาก เรียกว่าได้เป็นประสบการณ์เรียนรู้แบบครบวงจรเลยครับ ตรงกับความตั้งใจที่คิดไว้ว่าจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์กลับไปช่วยกิจการที่บ้านได้ในอนาคต"
โดยในปี 2560 กลุ่มมิตรผลมอบทุนการศึกษา รวมทั้งสิ้น 461 ทุน มูลค่ารวมกว่า 11 ล้านบาท ประกอบด้วย ทุนมิตรผล แคเรียร์ แคมป์ (Mitr Phol Career Camp) จำนวน 16 ทุน ทุนบุตรเกษตรกร จำนวน 17 ทุน ทุนโครงการทวิภาคี จำนวน 37 ทุน และทุนการศึกษาที่มอบให้บุตรหลานพนักงานอีก 391 ทุน