กรุงเทพฯ--3 ส.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานจังหวัดกาฬสินธุ์มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 18 อำเภอ รวม 116 ตำบล 1,217 หมู่บ้าน 37,136 ครัวเรือน ซึ่ง ปภ.ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลัง เครื่องมือและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม เขื่อนลำปาวได้เพิ่มการระบายน้ำเป็น 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรในอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอฆ้องชัย และอำเภอยางตลาด ปภ.จึงได้ประสานกับจังหวัดกาฬสินธุ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ภาวะฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2560 ถึงปัจจุบัน ทำให้จังหวัดกาฬสินธุ์มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 18 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอ ดอนจาน อำเภอยางตลาด อำเภอกมลาไสย อำเภอฆ้องชัย อำเภอร่องคำ อำเภอสมเด็จ อำเภอนามน อำเภอคำม่วง อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอห้วยผึ้ง อำเภอเขาวง อำเภอนาคู อำเภอท่าคันโท อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอสามชัย อำเภอห้วยเม็ก และอำเภอหนองกุงศรี รวม 116 ตำบล 1,217 หมู่บ้าน 37,136 ครัวเรือน นาข้าวที่คาดว่าจะได้รับความเสียหาย 215,143.50 ไร่ พืชสวน 79 ไร่ พืชไร่ 6,885 ไร่ บ่อปลาได้รับความเสียหาย 2,365 ไร่ ถนนชำรุด 452 สาย ฝาย 3 แห่ง สะพาน 10 แห่ง บ้านเรือน 87 หลัง วัด 2 แห่ง โรงเรียน 2 แห่ง รถยนต์ 2 คัน กระชังปลา 4 กระชัง ซึ่งจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ใน 14 อำเภอ และอยู่ระหว่างการดำเนินการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) อีก 4 อำเภอ ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 6 ขอนแก่น ระดมสรรพกำลัง เครื่องมือ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยแจกจ่ายถุงยังชีพจำนวน 420 ชุด เรือท้องแบน 14 ลำ เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ 20 ลำ กำลังพล 43 คน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถยกสูงรถผลิตน้ำดื่ม และรถไฟฟ้าส่องสว่าง เพื่อเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสถานการณ์น้ำกรณีเขื่อนลำปาวเพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2560 ถึงปัจจุบัน เนื่องจากยังคงมีมวลน้ำไหลเข้าเขื่อนประมาณ 50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทำให้ปัจจุบันเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำในเขื่อน 1,681.10 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 85 ของความจุฯ หากไม่ระบายน้ำออกจากเขื่อนในปริมาณดังกล่าว จะทำให้น้ำเต็มความจุของเขื่อนลำปาว อาจส่งผลต่อความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อน รวมถึงส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอฆ้องชัย และอำเภอยางตลาด ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัดกาฬสินธุ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 กรมป้องกันและบรรณเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย