TNR คว้างาน OEM ลูกค้าใหม่-ราคาเฉลี่ยสินค้าขยับขึ้น หนุนผลประกอบการฟื้นตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 4, 2017 16:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ (TNR) ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทยและรายใหญ่ของโลกรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ 'Onetouch'ประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 2-4 ของปีนี้เริ่มดีขึ้นตามลำดับ หลังปิดออเดอร์ OEM จากลูกค้าใหม่และลูกค้ารายเดิม ด้านผู้บริหารวางกลยุทธ์เร่งผลักดันยอดขายจากธุรกิจ OEM และธุรกิจงานประมูล สร้างความแข็งแกร่งของพอร์ตรายได้หลักอย่างต่อเนื่อง นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือTNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทยและรายใหญ่ของโลกรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ 'Onetouch' เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินผลการดำเนินงานคาดว่าดีขึ้นในไตรมาส 2-4 ของปีนี้ตามลำดับ หลังจากมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ในทุกช่องทางการขายสินค้า ทั้งในส่วนของธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ที่เป็นพอร์ตรายได้หลัก โดยการเพิ่มยอดขายจากลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ และการเพิ่มยอดขายจากธุรกิจงานประมูล (Tender) ให้แก่องค์กรในต่างประเทศ เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตขึ้น สำหรับการดำเนินงานของธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) นั้น บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/60 โดยได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้ารายใหญ่ในทวีปอเมริกาและมีแนวโน้มได้รับคำสั่งซื้อสินค้าล็อตใหม่เพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากลูกค้ารายดังกล่าวมีศักยภาพและมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่ครอบคลุมทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับลูกค้าประเทศญี่ปุ่นในการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในตลาดประเทศจีน ส่วนธุรกิจงานประมูล (Tender) ในต่างประเทศก็มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน หลังจากองค์กรในต่างประเทศมีการเปิดประมูลผลิตถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดย TNR ประสบความสำเร็จชนะงานประมูลในไตรมาส ขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยบวกจากราคายางพาราที่ปรับลดลง ส่งผลดีต่อต้นทุนน้ำยางพาราที่เป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักในการผลิตถุงยางอนามัย อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ ยังคงติดตามสถานการณ์ราคายางพาราอย่างใกล้ชิด โดยมีแผนป้องกันความเสี่ยงหากราคาน้ำยางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR กล่าวอีกว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมถุงยางอนามัยช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ประเมินว่าจะมีการเปิดประมูลงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น หลังจากธุรกิจการประมูลชะลอตัวในปีที่ผ่านมา โดย TNR จะมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายในส่วนของธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้าในต่างประเทศและธุรกิจการประมูล ที่เป็นพอร์ตรายได้หลักของบริษัทฯ รวมถึงวางแผนเพิ่มยอดขายถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ Onetouch ที่เป็นตราสินค้าของบริษัทฯ ทั้งในประเทศไทยและทวีปเอเชีย โดยในประเทศไทยบริษัทฯ ยังคงมีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 35% ภายในปี 2563 เพื่อก้าวเป็นผู้นำตลาดถุงยางอนามัยในประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ