กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
กรมส่งเสริมสหกรณ์ สั่งสหกรณ์จังหวัดภาคอีสานสำรวจผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม พบว่ามีสหกรณ์ได้รับความเสียหาย 300 แห่ง สมาชิกสหกรณ์ 60,000 ราย เบื้องต้นระดมความช่วยเหลือจากสหกรณ์ภาคต่าง ๆ จัดหา ถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภคและมอบเงินบริจาคให้สหกรณ์ในพื้นที่น้ำท่วม พร้อมเตรียมมาตรการระยะยาวเสนอครม. ขอพักชำระหนี้ให้สมาชิกสหกรณ์ที่ประสบภัยน้ำท่วมเป็นเวลา 1 ปี พร้อมจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ 300 ล้านบาท ให้สหกรณ์กู้ยืมไปช่วยเหลือสมาชิกในอัตราดอกเบี้ยต่ำ และจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด เพื่ออบรมและให้บริการซ่อมเครื่องจักรกลการเกษตร
ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ติดตามพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสกลนคร นครพนม เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา พบว่าพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้มี 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครพนม มหาสารคาม ร้อยเอ็ดและมุกดาหาร ซึ่งอยู่ในแถบบริเวณเทือกเขาภูพาน ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์มีความห่วงใยเกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ในพื้นที่ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดทั้ง 5 จังหวัดสำรวจผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ในพื้นที่ประสบภัย พบว่า มีสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม 300 แห่ง จำนวนสมาชิกประมาณ 50,000-60,000 คนที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากน้ำท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทำการเกษตรได้รับความเสียหาย
"เบื้องต้นได้ระดมความช่วยเหลือจากขบวนการสหกรณ์ในภาคต่าง ๆ ทั้งภาคใต้ ภาคเหนือและภาคกลาง ส่งเครื่องอุปโภคบริโภค ถุงยังชีพและอาหารไปให้สหกรณ์ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมนำไปแจกจ่ายให้สมาชิกและครอบครัวผู้ประสบภัย เบื้องต้นทางชุมนุมสหกรณ์การเกษตรในจังหวัดยะลา ได้ช่วยเหลือโดยนำปลากระป๋องมามอบให้ 1,000 กระป๋อง เพื่อช่วยผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดสกลนคร นครพนมและจังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียง สหกรณ์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช บริจาคน้ำดื่ม 1,200 ขวด และยังมีสหกรณ์หลายแห่งได้ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือมอบให้สหกรณ์ที่มีสมาชิกได้รับความเดือดร้อนน้ำท่วม ไปจัดซื้ออาหาร เครื่องดื่มและอาหารปรุงสุก เพื่อนำไปมอบให้กับสมาชิกสหกรณ์และชาวบ้าน ซึ่งขณะนี้ยังมีการส่งมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นและเงินบริจาคไปให้กับสหกรณ์ในพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความสามัคคีกันของขบวนการสหกรณ์ทั่วประเทศที่ส่งความช่วยเหลือไปให้สหกรณ์ในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมขณะนี้" อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ในระยะยาว ซึ่งกรมฯได้เตรียมจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) จำนวน 300 ล้านบาท ให้สหกรณ์กู้ยืมไปในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อนำไปช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ที่ประสบปัญหาอุทกภัย ได้สมาชิกนำไปฟื้นฟูอาชีพของตนเอง หลังจากที่สถานการณ์ดีขึ้นและปริมาณน้ำลดลงแล้ว โดยอาจนำไปลงทุนอาชีพระยะสั้น เช่น ปลูกผัก เพื่อช่วยให้ตนเองสามารถมีรายได้ ระหว่างการรอปรับสภาพพื้นที่การเกษตรให้พร้อมที่จะประกอบอาชีพหลักซึ่งขณะนี้ มีวงเงินพร้อมให้กู้แล้วขณะนี้จำนวน 10 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังได้จัดสรรงบประมาณอีก 5 ล้านบาท สำหรับตั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่ ส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดจุดให้บริการซ่อมแซมเครื่องจักรกลการเกษตร และอุปกรณ์อื่นๆ แก่สมาชิกสหกรณ์ รวมทั้งจะประสานขอความร่วมมือจากวิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่ เพื่อเข้ามาอบรมซ่อมเครื่องจักรกลการเกษตรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งทางกรมฯเคยดำเนินการสำเร็จจากการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาคใต้มาแล้วเมื่อช่วงปลายปี 2559 ที่ผ่านมา
สำหรับหนี้สินที่สมาชิกสหกรณ์มีอยู่กับสหกรณ์นั้น ทางกรมฯจะขอความร่วมมือจากสหกรณ์ที่มีสมาชิกประสบอุทกภัย พิจารณาลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือในยามที่สมาชิกสหกรณ์ขาดรายได้เนื่องจากพื้นที่ประกอบอาชีพการเกษตรเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งอาจจะลดดอกเบี้ยลง 0.5-1 % เป็นระยะเวลา 3-6 เดือน เพื่อให้สมาชิกสามารถยังชีพอยู่ได้ในระยะหนึ่งจนกว่าจะกลับคืนสู่สภาพปกติ สามารถประกอบอาชีพจนมีรายได้นำมาชดใช้หนี้สินคืนสหกรณ์ได้เหมือนเดิม ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือที่สหกรณ์สามารถทำได้โดยตรงกับสมาชิกของสหกรณ์เอง
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการในการช่วยเหลือด้านหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ที่ไม่สามารถส่งชำระหนี้คืนสหกรณ์ได้ โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาพักชำระหนี้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยรัฐบาลจะจ่ายชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้สหกรณ์แทนสมาชิก ส่วนหนี้สินของสหกรณ์ที่มีอยู่กับกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ก็ดำเนินการได้ทันทีตามระเบียบกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) ที่กำหนดไว้ คือ กรณีสหกรณ์ที่อยู่ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยหากมีความจำเป็น กรมส่งเสริมสหกรณ์จะพิจารณาขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไป 1 ปีด้วยเช่นกัน
สำหรับขบวนการสหกรณ์ในจังหวัดอื่น ๆ ที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคสิ่งของหรือเงินช่วยเหลือแก่สหกรณ์ที่ประสบภัยน้ำท่วม สามารถบริจาคผ่านศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยของทำเนียบรัฐบาล หรือติดต่อกับสำนักงานสหกรณ์จังหวัดในพื้นที่ได้โดยตรง ซึ่งทางกรมฯพร้อมจะเป็นตัวกลางประสานความช่วยเหลือส่งต่อไปยังผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึงพร้อมกันนี้ กรมฯได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดในพื้นที่ประสบภัย เตรียมความพร้อมในการให้ ความช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์อย่างทันท่วงทีและลงพื้นที่ติดตามสอบถามความต้องการจากสมาชิกสหกรณ์อย่างใกล้ชิดว่ายังต้องการความช่วยเหลือในด้านใดอีกหรือไม่ ซึ่งกรมฯพร้อมจะช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการเข้าไปดูแลให้การช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ที่ประสบภัยน้ำท่วมให้สามารถดำเนินชีวิตและกลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็วต่อไป