กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--Worklink PR
ATP30 แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังโตโดดเด่น เตรียมสั่งรถรับส่งเพิ่ม 35 คัน ให้บริการ รับรู้รายได้ยาวข้ามปี มั่นใจรายได้ทั้งปีเติบโตตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 15% เผยอุตสาหกรรมภาคตะวันออกคึกคัก หนุนดีมานด์รถรับส่งบุคลากร มุ่งเน้นการพัฒนายกระดับมาตรฐานการให้บริการอย่างต่อเนื่อง
นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) (ATP30) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการโดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรับรู้รายได้จากงานใหม่ที่เข้ามา
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีการเจรจากับลูกค้าเดิมที่มีความต้องการเพิ่มจำนวนรถให้บริการ และเจรจากับลูกค้ารายใหม่หลายราย โดยจะเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ซึ่งบริษัทมีการสั่งซื้อรถบัสเพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 35 คัน คาดว่าการเพิ่มขึ้นของปริมาณงานดังกล่าวจะส่งผลให้รายได้ในครึ่งปีหลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้รายได้ของบริษัทในปีนี้เติบโตตามเป้าที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 15%
"ภาพรวมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกยังคงเติบโตในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ส่งผลให้จำนวนบุคลากรในพื้นที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความต้องการใช้รถขนส่งบุคลากรที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีของบริษัทด้วยเช่นกัน"นายปิยะ กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 83.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.35 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และบริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 19.26 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 23.13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทมีกำไรขั้นต้น 18.38 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 24.71%
ขณะที่ผลประกอบการในงวด 6 เดือน บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 163.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมที่ 145.22 ล้านบาท และบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.34 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.52 ล้านบาท
โดยรายได้เติบโตขึ้นจากการให้บริการเดินรถโดยสารรับส่งบุคลากรเพิ่มขึ้น การเพิ่มเส้นทางและจำนวนรถให้บริการของลูกค้ารายเก่า และการให้บริการลูกค้ารายใหม่ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนในด้านต่างๆ ที่ดี และการควบคุมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถให้อยู่ในระดับคงที่ ขณะที่อัตรากำไรสุทธิที่ลดลงนั้น เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการนำรถที่มีอายุการใช้งานมากแล้วมาทำการปรับปรุงสภาพเพื่อให้บริการลูกค้าที่ต้องการใช้รถในระยะยาวขึ้นและมีการนำระบบบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐานสากลมาใช้ในการบริหารกิจการ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งเน้น การพัฒนาบุคลากร พัฒนาระบบการดำเนินงานด้านการควบคุมการเดินรถและเพิ่มสัดส่วนการให้บริการด้วยรถโดยสารของบริษัท อีกทั้งมั่นใจว่าแนวโน้มธุรกิจยังมีศักยภาพ จากการที่มีองค์กรและหน่วยงานต่างๆ เข้ามาเยี่ยมชม ศึกษาระบบการเดินรถ และการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง