กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--แม็คกรุ๊ป
บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ("MC") ประกาศยอดขายในครึ่งปีแรกของปี 2560 ที่ 2,139 ล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2559 จากสภาวะการจับจ่ายใช้สอยที่ชะลอตัวตั้งแต่ต้นปีและการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดค้าปลีก โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 321ล้านบาท ลดลง 18.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2560 บริษัทมีรายได้จากการขาย 919 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 90ล้านบาท ลดลง 8.7% และ 53.0% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จำนวน 0.45 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวน 360 ล้านบาท
นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า "ธุรกิจโดยรวมของบริษัทในไตรมาส 2 นี้ไม่แจ่มใสนักอันเนื่องมาจากการจับจ่ายใช้สอยในประเทศที่ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องและการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ค้าปลีกที่มีเครือข่ายทั่วประเทศได้กดดันการเติบโตของรายได้ของห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นในต่างจังหวัด ส่งผลให้รายได้จากการขายของบริษัทผ่านห้างค้าปลีกลดลงค่อนข้างมาก โดยบริษัทมีรายได้จากการขายในไตรมาส 2 ปี 2560 และรายได้จากการขายครึ่งปีแรกลดลง 8.7% และ 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ต่ำกว่าเป้าการเติบโตปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 10%"
"โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 บริษัทลดจุดจำหน่ายลงสุทธิ 22 แห่งจากสิ้นปีที่แล้ว คงเหลือ 875 แห่ง แบ่งเป็นร้านค้าปลีกของตนเอง 296 แห่ง ห้างค้าปลีกสมัยใหม่561 แห่ง รถโมบายเคลื่อนที่ 6 คัน และจุดจำหน่ายในต่างประเทศอีก 12 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามแผนการปรับโปรแกรมตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ (Dealership Reprogram) และแผนการจัดการจุดจำหน่ายในปีปัจจุบัน ซึ่งการเปิดร้านใหม่จะกระจุกตัวอยู่ในครึ่งหลังของปี"
นายบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี กล่าวเพิ่มเติมว่า "ในครึ่งแรกของปี บริษัทมีกำไรสุทธิ 321 ล้านบาท ลดลง 18.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับไตรมาส 2 ปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท ลดลง 53.0% จากไตรมาส 2 ปี 2559 เนื่องจากรายได้จากการขายและอัตรากำไรขั้นต้นลดลง โดยบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 51.0% เมื่อเทียบกับ 53.1% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมในไตรมาส 2 ปี 2560 อยู่ที่ 50.9% ลดลงจาก 54.5% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ปี 2560 ที่อยู่ที่ 51.1% เนื่องจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายของบริษัทและการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค"
นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้กล่าวถึงแผนธุรกิจต่อไปว่า "กำลังซื้อที่หดตัวลงเป็นเหตุการณ์ภายในปี 2560 แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจต่อไปเพื่อการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว ซึ่งประกอบด้วย
(1) การมุ่งเน้นนวัตกรรมของสินค้าหลักของบริษัทในกลุ่มผ้ายีนส์ เช่น Mc MOVE Denim และ MC COOL Denim ที่นำออกสู่ตลาดในช่วงไตรมาส 2 เพื่อสร้างความแตกต่าง รักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและขยายฐานลูกค้าสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่
(2) การลงทุนเปิดตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ประเภทใหม่ โดยสำหรับปี 2560 บริษัทมุ่งเน้นธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือโฮมสปา ซึ่งบริษัทได้เตรียมสินค้ากลุ่มใหม่ ได้แก่ น้ำหอม สบู่ก้อนหอม แป้งฝุ่นหอม เพิ่มเติมจากโลชั่นบำรุงผิว และเจลอาบน้ำที่ออกมาก่อนหน้านี้ และได้เปิดจุดจำหน่ายแบบ Pop-up store เพื่อสร้าง Brand Awareness ที่ Centerpoint of Siam Square ที่ Terminal 21 และล่าสุดเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาที่ Mega Bangna นอกเหนือไปจากที่ได้วางจำหน่ายที่ร้านแม็คยีนส์ทุกสาขาและช่องทางออนไลน์ www.mcshop.com อนึ่งบริษัทยังเดินหน้าทำแผนธุรกิจกับคู่ค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อนำสินค้าไลฟ์สไตล์กลุ่มใหม่ๆ เข้ามาในตลาดต่อไป
(3) การลงทุนในระบบบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management หรือ CRM) และระบบ E-Commerce ที่จะเข้ามาเป็นฐานในการเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน
(4) การเดินหน้าเพิ่มพื้นที่ในการขายเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น โดยจะเปิดจุดจำหน่ายใหม่สำหรับครึ่งหลังปี 2560 อีกประมาณ 15 แห่งในส่วนของร้านค้าปลีกของตนเองและห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ตลอดจนจับมือกับศูนย์การค้าโรบินสันเพื่อขยายจุดขายเดิมให้ใหญ่ขึ้น (Enlargement) อีกประมาณ 30 แห่ง ซึ่งจะช่วยในการเพิ่มโอกาสทั้งระยะสั้นและระยะยาว"
นายบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี กล่าวเพิ่มเติมว่า "การปรับกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่ายในครั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบลงทุนรวมในปี 2560 ทั้งหมดประมาณ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 70 ล้านบาทในช่วงต้นปี ทั้งนี้เนื่องจากการหดตัวของตลาดอุปโภคบริโภคมีความยืดเยื้อกว่าที่คาดในช่วงต้นปี บริษัทจึงต้องปรับลดประมาณการยอดขายปี 2560 ลงโดยคาดว่าจะเติบโตประมาณ 3% จากประมาณการก่อนหน้าที่เคยคาดไว้ที่ 10% และปรับลดประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นมาอยู่ที่ 52%-53% จากก่อนหน้านี้ที่ 54%-55%"
"ทั้งนี้บริษัทได้กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD (Ex-dividend date) ในวันที่ 23 สิงหาคม 2560 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม2560 จากนั้นบริษัทจะทำการปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 28 สิงหาคม 2560 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 กันยายน 2560"