อีเอ็มซี ตั้งเป้ายอดขายเอเชียแปซิฟิค 1.2 พันล้านเหรียญ

ข่าวทั่วไป Tuesday November 21, 2000 11:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--124 คอมมิวนิเคชั่นส
นายสตีฟ คิวเนอร์ กรรมการผู้จัดการ อีเอ็มซี เอเชีย แปซิฟิค ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยถึงรายได้ที่อีเอ็มซีคาดว่าจะได้รับจากตลาดภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ซึ่งรวมทั้งตลาดประเทศเกาหลี และญี่ปุ่น ในปลายปีพ.ศ.2544 ถึง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
อีเอ็มซีเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดเอเชีย แปซิฟิค เป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด คือกลุ่มธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ แอปพลิเคชั่นสำหรับการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต อาทิเช่น แอปพลิเคชั่นด้านการวางแผนทรัพยากร และการบริหารด้านลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งการที่ธุรกิจต่างๆหันมาทำการค้าผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หมายถึงการที่จำนวนข้อมูลของแต่ละองค์กรได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ข้อมูลเหล่านี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของทุกองค์กร และต้องสามารถเข้าถึงได้และถูกเรียกใช้ได้ตลอดเวลา ดังนั้นอีเอ็มซีจึงได้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆสามารถจัดการ ป้องกัน และแบ่งสรรข้อมูลขององค์กร
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อีเอ็มซีได้ประกาศรายได้ในส่วนของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ในตลาดเอเชีย แปซิฟิค ว่าเติบโตขึ้น 130 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่ 3ของปี เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และเมื่อมองภาพรวมของตลาดโลก รายได้จากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลโตขึ้น 47 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีมูลค่า 2.14 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในตลาดอื่นๆทั่วโลก รายได้จากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ในตลาดลาติน อเมริกา โตขึ้น 62 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดอเมริกา เหนือ มียอดการเติบโต 41 เปอร์เซ็นต์ และ39 เปอร์เซ็นต์ ในตลาดยุโรป ประเทศตะวันออกกลาง และแอฟริกา
"อีเอ็มซีกำลังเติบโตขึ้นในทุกตลาดทั่วโลก เนื่องจากจำนวนข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และความจำเป็นที่ต้องสร้างความคล่องตัวในการเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ตลอดเวลา ในตลาดเอเชีย แปซิฟิค ลูกค้าสำคัญของอีเอ็มซีได้แก่ สิงคโปร์ เทเลคอมมิวนิเคชั่นส, เอ็นทีที โดโคโมะ ของญี่ปุ่น, เทเลคอม มาเลเซีย และซิตี้ แบงค์ นอกจากนี้ยังมี โตชิบา คอร์ปอเรชั่น, Yahoo! Japan, ซีเกท และการบินไทย" นายคิวเนอร์กล่าว
สำหรับคู่แข่งธุรกิจอีเอ็มซี ในตลาดเอเชีย แปซิฟิค ได้แก่ บริษัทที่ทำธุรกิจเซิร์ฟเวอร์แบบดั่งเดิม อย่างเช่น ฮิวเลทท์-แพคการ์ด, ไอบีเอ็ม, ซัน ไมโครซิสเต็มส ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเช่นกัน
"บริษัทคู่แข่งได้ใช้งบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาไปกับเซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ด้านอื่นๆ มากกว่าที่จะเป็นด้านอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล แต่สำหรับอีเอ็มซี งบประมาณทั้งหมดในด้านการวิจัยและพัฒนาของบริษัททจะทุ่มให้กับด้านอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะช่วยให้อีเอ็มซีสามารถเพิ่มรูปแบบและพัฒนาคุณภาพของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลของบริษัท ให้เป็นที่ยอมรับของตลาดโลกได้ ล่าสุดงบประมาณกว่า 2พันล้านเหรียญสหรัฐได้รับการอนุมัติ เพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลตลอด 2ปีข้างหน้า ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้สำคัญกับอีเอ็มซีมาก เพราะหมายถึงความเป็นผู้นำในด้านอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และเป็นการเพิ่มศักยภาพให้แก่ลูกค้าของอีเอ็มซีในการแข่งขันทางธุรกิจ" นายคิวเนอร์กล่าว
นายคิวเนอร์ได้กล่าวถึงการเติบโตของบริษัทว่า ตลอด 18เดือนที่ผ่านมา อีเอ็มซีได้เพิ่มจำนวนพนักงานในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค จาก 350 เป็น 1,000 คน ซึ่งประจำการที่สาขาต่างๆ ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, ไทย, จีน, เกาหลี และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้อีเอ็มซียังจับมือกับบริษัทที่เป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยี อย่างซิสโก้ ซิสเต็มส และออราเคิล คอร์ปเรชั่น ในการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีซึ่งกันและกัน
อนึ่ง อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น คือผู้นำด้านอุปกรณ์ ซอฟต์แวร์ ระบบเครือข่าย และบริการให้คำปรึกษา ด้านการจัดเก็บข้อมูล ทั้งยังเป็นผู้วางโครงสร้างด้านการจัดเก็บ การเรียกใช้ การบริหาร และการป้องกันข้อมูล ให้แก่ธุรกิจต่างๆทั่วโลก บริษัทลูกค้าของอีเอ็มซีมีตั้งแต่ บริษัทสายการบิน ธนาคาร สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ร้านค้าปลีก โรงงานผู้ผลิต ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม บริษัทขนส่ง สถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐบาล
อีเอ็มซีก่อตั้งในปีพ.ศ.2522 โดยเริ่มจากการเป็นซัพพลายเออร์ อุปกรณ์หน่วยความจำ และก้าวเข้าสู่ตลาดอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในปีพ.ศ.2532 พร้อมกับการปรับกลยุทธ์เพื่อตอบรับกับความต้องการข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในจำนวนมาก
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
ชัยวัฒน์ สิมะวัฒนา
บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด
โทร 662 2266
chaiwat@124comm.com-- จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ