กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--ไอเดียเวิร์คส์คอมมิวนิเคชั่นส์
บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2560 ด้วย EBITDA ที่เติบโตแข็งแกร่งร้อยละ 37.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า และ EBITDA Margin ที่เพิ่มขึ้นสูงเป็นร้อยละ 36.1 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของรายได้ทรูมูฟ เอช และมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายของกลุ่ม
ในไตรมาส 2 ปี 2560 กลุ่มทรู มีรายได้จากการให้บริการโดยรวมเติบโตประมาณร้อยละ 10 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า เป็นจำนวน 24.0 พันล้านบาท อันเป็นผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบริการบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ตสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไป ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงในอัตราเลขสองหลัก โดยรายได้และฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม ผลักดันให้ EBITDA เติบโตถึงร้อยละ 37.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า เป็นจำนวน 8.7 พันล้านบาท และ EBITDA Margin เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 36.1
ผลการดำเนินงานหลักของกลุ่มทรู (ไม่รวมมูลค่าเงินลงทุนในกองทุน DIF) ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 1.2 พันล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2560
นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ด้านการพาณิชย์ กล่าวว่า "เป็นที่น่ายินดีที่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง นำโดยการเติบโตของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลุ่มทรู ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลุ่มทรูมีความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนในการเพิ่มมูลค่าให้แก่ลูกค้า ทั้งผ่านโครงข่ายประสิทธิภาพสูงสุดบนคลื่นความถี่ที่หลากหลาย แคมเปญคอนเวอร์เจนซ์ที่คุ้มค่า และคอนเทนต์คุณภาพสูง นับเป็นจุดแข็งทางธุรกิจที่ชัดเจนและทำให้กลุ่มทรูเติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรม โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รายได้จากการให้บริการของทรูมูฟ เอช เติบโตสูงต่อเนื่องในอัตราร้อยละ 17.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ในขณะที่ ผู้ให้บริการรายใหญ่รายอื่นมีรายได้รวมกันเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.8 จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ทรูออนไลน์ ยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต และมีรายได้จากการให้บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่เพิ่มสูงขึ้นในอัตราเลขสองหลักเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ความแข็งแกร่งเหล่านี้ เมื่อผสานกับแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ครบครัน และกระบวนการวิเคราะห์ฐานข้อมูลเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีได้อย่างต่อเนื่อง (Big Data Analytics) ของกลุ่มทรู จะช่วยผลักดันให้รายได้และฐานลูกค้าของกลุ่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการมอบบริการที่ตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัว สิ่งเหล่านี้ ร่วมกับการมุ่งบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้"
นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ด้านปฏิบัติการ กล่าวว่า "ด้วยความตั้งใจของกลุ่มทรูที่จะพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคมประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อประเทศไทย จึงได้เดินหน้าขยายความครอบคลุม เพิ่มคุณภาพสัญญาณและความเร็วอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทรูมูฟ เอช คงความเป็นผู้นำในการให้บริการ 4.5G มาตรฐานระดับโลก ด้วยการนำเทคโนโลยีการรวมคลื่น 3 คลื่น หรือ 3CA (Carrier Aggregation) รวมทั้งการพัฒนาสถานีฐานประเภท 4T4R (เทคโนโลยีฐานแบบ 4 Transmit 4 Receive หรือ 4x4 MIMO) ที่เพิ่มความสามารถในการรับส่งดาต้าทำให้เพิ่มความเร็วได้เร็วกว่า 4G ถึง 3เท่า ปัจจุบัน ทรูมูฟ เอช มีจำนวนสถานีฐานดังกล่าวกว่า 7,000 แห่ง ซึ่งมากที่สุดในโลก ทั้งนี้ ทรูมูฟ เอชยังได้รับการยอมรับจากนานาชาติ โดยได้รับรางวัลอันทรงเกียรติระดับเอเชียแปซิฟิคถึง 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ LTE แห่งปี 2560 และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยองค์รวมแห่งปี 2560 ในพิธีมอบรางวัล Asia-Pacific ICT Awards 2017 ที่ประเทศสิงคโปร์ ในขณะเดียวกัน กลุ่มทรู ยังประสบความสำเร็จในการขยายโครงข่ายไฟเบอร์และไวไฟ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมยกระดับเทคโนโลยีและเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตให้แก่ลูกค้า สิ่งเหล่านี้ ร่วมกับ คอนเทนต์คุณภาพสูงที่หลากหลายและครบครัน ด้วยภาพและเสียงคมชัด พร้อมสิทธิพิเศษอีกมากมาย ได้ยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าต่อสินค้าและบริการภายใต้กลุ่มทรู อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นต่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนของกลุ่มทรูต่อไป"
ความเป็นผู้นำด้านโครงข่ายประสิทธิภาพสูงของทรูมูฟ เอช เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้รายได้และฐานลูกค้าของทรูมูฟเอช เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ปี 2560 ทรูมูฟ เอช ขยายฐานลูกค้าทั้งในระบบรายเดือนและระบบเติมเงินได้อย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนลูกค้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 26.2 ล้านราย โดยมีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิประมาณ 424,000 ราย ในขณะที่ ผู้ให้บริการรายใหญ่รายอื่นในอุตสาหกรรมมีฐานลูกค้ารวมกันลดลงสุทธิประมาณ 880,000 ราย ในระหว่างไตรมาส ซึ่ง scale ที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้นอนวอยซ์ ผลักดันให้รายได้จากการให้บริการของทรูมูฟ เอช เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า เป็น 16.8 พันล้านบาท เพิ่มส่วนแบ่งตลาดรายได้เป็นร้อยละ 26.0 ในไตรมาส 2 ปี 2560 นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างทรูมูฟ เอช และ TrueID ที่รวบรวมคอนเทนต์หลากหลายทั้งภาพยนตร์ ช่องรายการโทรทัศน์ ดนตรี กีฬา บทความไลฟ์สไตล์ พร้อมด้วยสิทธิพิเศษอีกมากมาย ไว้ในแอปพลิเคชั่นเดียว ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการบริโภคสื่อดิจิทัลของลูกค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี จะช่วยเร่งให้ทรูมูฟ เอช เติบโต และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อย่างเข้มแข็งต่อไป
บริการไฟเบอร์บรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ ได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายฐานลูกค้าบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต เพิ่มขึ้นเป็น 2.96 ล้านราย ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการบรอดแบนด์สำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปเติบโตสูงร้อยละ 13 จากปีก่อนหน้า และผลักดันรายได้อินเทอร์เน็ตโดยรวมของทรูออนไลน์ในไตรมาส 2 ให้เพิ่มขึ้นเป็น 5.6 พันล้านบาท อีกทั้งยังช่วยขยายฐานลูกค้าคอนเวอร์เจนซ์ในระบบรายเดือนของกลุ่มและสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าต่อสินค้าและบริการภายใต้กลุ่มทรูได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่องทั้งในต่างจังหวัดและในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล น่าจะผลักดันให้รายได้ของกลุ่มเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป พร้อมช่วยเพิ่มการเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประชากรในประเทศให้มากยิ่งขึ้น
ทรูวิชั่นส์ สร้างความแข็งแกร่งด้วยการสรรหาคอนเทนต์พรีเมียมระดับโลกให้สมาชิกรับชมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งสามารถเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มตลาดแมสได้มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการในไตรมาส 2 ปี 2560 เติบโตร้อยละ 4 จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า เป็น 3.1 พันล้านบาท และมีฐานลูกค้ารวมจำนวน 4.1 ล้านครัวเรือน นอกจากนี้ ทรูวิชั่นส์ จะมุ่งเน้นในการมอบประสบการณ์รับชมที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ด้วยภาพและเสียงคุณภาพระดับเอชดี พร้อมนำเสนอคอนเทนต์ชั้นนำที่หลากหลายและได้รับความนิยมสูงบนแพลตฟอร์มดิจิทัลของกลุ่มทรู อาทิ TrueID และ กล่องทรูทีวี ให้ลูกค้าสามารถรับชมช่องรายการคุณภาพผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อตอบโจทย์ความชอบที่หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างลงตัว
หมายเหตุ: รายได้จากการขาย (สุทธิ) = รายได้จากการขาย - ต้นทุนขาย
ค่าใช้จ่ายเชื่อมต่อโครงข่าย (สุทธิ) = รายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย – ค่าใช้จ่ายเชื่อมต่อโครงข่าย
ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย