กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) มองเศรษฐกิจไทยยังเคลื่อนตัวได้ รับแรงกระตุ้นจากแผนการลงทุนของภาครัฐ เดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง หลังรอบ 6 เดือนแรก ปี 2560 ศักยภาพโดดเด่นสวนทางตลาดรวมที่ชะลอตัว โดยประกาศผลประกอบการไตรมาสสอง ปี 2560 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มียอดรับรู้รายได้ที่ 883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33%จากไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรสุทธิที่ 171 ล้านบาท เติบโตราว 50% จากไตรมาสก่อนหน้า ชู "ลลิล ทาวน์" โครงการมิกซ์ยูส กว่า 5 โครงการ 5 ทำเลทอง ตอบโจทย์ลูกค้า ดันยอดขายใหม่แตะ 2,100 ล้านบาทในครึ่งปีแรก เตรียมตอกย้ำแบรนด์ " ลลิล ทาวน์" ด้วยการเปิดเพิ่ม 3-4 โครงการ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ในหลายทำเลยุทธศาสตร์ มั่นใจตลอดปีนี้สามารถทำได้ตามเป้าหมาย ยอดขาย 3,650 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 3,100 ล้านบาท เติบโตกว่า 15 %
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ "บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี" เปิดเผยถึงแนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงที่เหลือ ปี 2560 ว่า เศรษฐกิจไทยจะยังสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้จากแผนงานการลงทุนของภาครัฐ หลังนโยบายการคลังโดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายโดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ผ่านการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีแล้ว อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และมอเตอร์-เวย์ ซึ่งจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นและดึงการลงทุนจากภาคเอกชนได้ อย่างไรก็ตามมีปัจจัยที่ยังน่าเป็นห่วงจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์มองว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นตลาด Real Demand ตลาดกลาง–ล่าง ยังขยายตัวได้อยู่ โดยภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะขยายตัวได้ 3-5%
บริษัทฯ ได้ประเมินเศรษฐกิจโดยรวมแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี จึงมีการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ที่สอดรับกับสถานการณ์ ช่วยให้บริษัทสามารถ Gain Market Share เพิ่มขึ้น และมีผลประกอบการที่เติบโตสวนทางกับตลาดโดยรวมที่ชะลอตัว โดยผลประกอบการในรอบ 6 เดือนแรก ปี 2560 บริษัทมียอดรับรู้รายได้รวม 1,545 ล้านบาท ขยายตัวราว 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 และมีผลกำไรสุทธิที่ 285 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 17% ทั้งนี้บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.135 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 1 กันยายน 2560 (หรือขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 29 สิงหาคม 2560) และจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทุกท่านในวันที่ 8 กันยายน 2560 นี้
ในแง่ของโครงสร้างเงินทุน แม้จะมีการขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นไตรมาสสองนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.84 เท่า ปรับลดลงเล็กน้อยจาก ณ สิ้นไตรมาสแรก ซึ่งอยู่ที่ 0.86 เท่า ทั้งนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนดังกล่าว นับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ราว 1.4 เท่า
สำหรับการขยายธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวอาณาจักร "ลลิล ทาวน์ (LALIN Town)" ไปแล้วทั้งสิ้น5 โครงการ 5 ทำเลยุทธศาสตร์ มูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท อาทิ พุทธสาคร-ถนนเศรษฐกิจ บางนา-สุวรรณภูมิ ลำลูกกาคลอง 4-5 และในต่างจังหวัด อาทิ อมตะนคร-ชลบุรี พัทยา-ชลบุรี เป็นต้น ซึ่ง ลลิล ทาวน์ นับเป็นโครงการใหม่ที่ประสบความสำเร็จ และได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้า เพราะกลยุทธ์ที่พัฒนาให้เป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ซีรี่ส์ใหม่ บ้านแนวคิดใหม่ ให้บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 140-175 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นเพียง 2 ล้านกว่าบาท – 5 ล้านบาท และทาวน์โฮม หน้ากว้างดีไซน์ใหม่ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 85-105 ตารางเมตร ในราคาสุดคุ้มเพียง 2 - 2.5 ล้านบาท ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ตอบทุกโจทย์ของผู้อยู่อาศัยได้ทุกกลุ่ม ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยทำเลนั้นๆ
อย่างไรก็ดี ในก้าวถัดไปของ ลลิล ทาวน์ เตรียมขยายโครงการใหม่ในทำเลศักยภาพอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่เหลือ ปี 2560 มีแผนเปิดโครงการใหม่อีกราว 3-4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีการขยายตัวที่มั่นคงต่อไป โดยรวมแล้วทั้งปี 2560 บริษัท ตั้งเป้าหมายยอดขาย 3,650 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้3,100 ล้านบาท เติบโตราว 15% และเปิดโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ในสัดส่วนทำเล กรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% และต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว และแหล่งงานสำคัญ 30%