กรุงเทพฯ--18 ส.ค.--แสนสิริ
พร้อมเปิดโปรเจกต์ใหม่ 16 โครงการ มูลค่ากว่า 39,260 ล้านบาทรวมถึงโปรเจกต์ไฮไลท์มูลค่าโครงการสูงที่เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
แสนสิริ -SIRI เขย่าวงการอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง ส่งสัญญาณตลาดทิศทางบวก ประกาศปรับเป้าหมายยอดขายปี 2560 ใหม่เป็น 40,000 ล้านบาทแล้ว เติบโตขึ้นจากยอดขายที่ทำได้ในปีที่ผ่านมาเกือบ 30% หลังปิดยอดขายรอบ 7 เดือนทะลุไปกว่า 17,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 50% จากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 36,000 ล้านบาท เผยโกยยอดขายหลักจากตลาดต่างชาติโตต่อเนื่อง 4,200 ล้านบาท จากเป้ายอดขายต่างชาติที่ตั้งไว้ 8,000 ล้านบาท และสร้างยอดขายได้จากโครงการ "98 Wireless" (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) แฟลกชิปคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดบนถ.วิทยุ ที่มียอดขายแล้วถึง 60% เผยครึ่งปีหลังยังมีแผนเปิดตัวโครงการรองรับเป้าขายใหม่อีกถึง 16 โครงการ มูลค่า 39,260 ล้านบาท รวมถึงโปรเจกต์ไฮไลท์มูลค่าโครงการสูงที่เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า แสนสิริได้มีการพิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายจากการดำเนินงานในปี 2560 ใหม่ จากเดิมที่ตั้งไว้ 36,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 40,000 ล้านบาท จากที่บริษัทมียอดขายในรอบ 7 เดือน สูงถึง 17,300 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากว่า 20% และเติบโตถึงเกือบ 50% จากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 36,000 ล้านบาท ความสำเร็จจากการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่ชัดเจน จากที่อยู่อาศัยโครงการ ต่างๆของบริษัท ที่ได้รับความสนใจและตอบรับจากลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติเป็นอย่างดี แม้จะมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าไปเพียง 3 โครงการในช่วงที่ผ่านมา นับว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยในตลาดต่างชาติซึ่งเป็นตลาดสำคัญ บริษัทสามารถสร้างยอดขายไปถึง 4,200 ล้านบาท คิดเป็นกว่า 50 % ของเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติที่วางไว้ 8,000 ล้านบาท โครงการที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติมากที่สุด ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและบีทีเอส "แบรนด์ เดอะ ไลน์" ได้แก่ โครงการเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 โครงการ และเดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์ ขณะที่คอนโดมิเนียมในตลาดต่างจังหวัดของแสนสิริ คือ โครงการเดอะ เบส เซ็นทรัลพัทยา ก็สามารถปิดขายโครงการ โดยยอดขายหลักมาจากลูกค้าชาวฮ่องกงและจีน, ลูกค้าชาวสิงคโปร์และลูกค้าชาวไต้หวัน นอกจากนี้อีกปัจจัยที่สำคัญคือ ยอดขายจากโครงการ 98 WIRELESS ซึ่งนับเป็นแฟล็กชิพคอนโดมิเนียมของแสนสิริ มูลค่าโครงการรวม 8,700 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายไปถึง 60% รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมใน Affordable Segment ที่มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน โดยสามารถปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียม "ดีคอนโด" ได้ทั้งหมด 4 โครงการ ได้แก่ ดีคอนโด นิม เชียงใหม่, ดีคอนโด กาญจนวณิช, ดีคอนโด อ่อนนุช-พระราม 9, และ ดีคอนโด กะทู้-ป่าตอง นอกจากนี้ยังสามารถปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียมบ้านเคียงฟ้า หัวหิน ในตลาดต่างจังหวัดอีกด้วย
"ในช่วง 5 เดือนหลังของปี 60 นี้ บริษัทมองว่า ภาคการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตต่อเนื่องรวมทั้งการผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดเป็นรูปธรรมจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมา ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนเปิดตัวที่อยู่อาศัยที่จะรองรับเป้าหมายยอดขายใหม่ 40,000 ล้านบาท อีกถึง 16 โครงการ มูลค่ารวม 39,260 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 22,350 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 16,150 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ มูลค่า 760 ล้านบาท รวมถึงโปรเจ็กค์ไฮไลท์ที่มีมูลค่าโครงการสูงที่เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นทำเลใดต้องติดตาม" นายเศรษฐา กล่าว