กรุงเทพฯ--21 ธ.ค.--กรมป่าไม้
อนุสนธิประกาศกรมป่าไม้ ลงวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2543 เรื่อง การผ่อนผันการจัดเก็บอัตราค่าธรรมเนียมการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ สำหรับบุคคลชาวต่างประเทศ กรมป่าไม้ได้กำหนดให้ใช้บัตรค่าธรรมเนียมการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติทุกแห่ง (ยกเว้นอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน) โดยกำหนดให้ ผู้ใหญ่ ใช้บัตรค่าธรรมเนียมสำหรับบุคคลชาวต่างประเทศ อัตราผู้ใหญ่ 200 บาท และประทับตรา "บัตรผ่อนผัน 20 บาท (Special Concession Rate 20 Baht) สำหรับ เด็ก ใช้บัตรค่าธรรมเนียมบุคคลชาวต่างประเทศ อัตราเด็ก 100 บาท และประทับตรา "บัตรผ่อนผัน 10 บาท (Special Concession Rate 10 Baht) " ทั้งนี้ไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2544 นั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้รับแจ้งจากสมาคมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูเก็ต ว่าเนื่องจากกำหนดการผ่อนผันได้สิ้นสุดลงแล้ว ทำให้บริษัทสมาชิกของสมาคมฯทุกบริษัท ที่นำนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ได้รับความเดือดร้อนที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมในอัตรา 200 บาท และ 100 บาท ในช่วงที่ประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในการนี้อธิบดีกรมป่าไม้และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมประชุมและหารือกับผู้แทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวของสมาคมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูเก็ต เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544 เวลา 10.00 ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการป่าไม้ กรมป่าไม้แล้ว ได้ตกลงกันว่าในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันจะต้องสนับสนุนให้ชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งในการท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ใช้เวลาในการท่องเที่ยวชมธรรมชาติไม่มากนักและใช้เรือขนาดไม่ใหญ่ อีกทั้งกิจกรรมการท่องเที่ยวไม่มีผลกระทบต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้จึงได้พิจารณาผ่อนผันในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา สำหรับชาวต่างประเทศ ในอัตราตามประกาศกรมป่าไม้ดังกล่าวข้างต้น แต่ทั้งนี้ไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2545
กรมป่าไม้ได้พิจารณาแล้ว จึงออกประกาศดังต่อไปนี้
1. ให้บุคคลหรือนิติบุคคลที่ได้นำนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ยื่นคำขออนุญาตผ่อนผันการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ สำหรับชาวต่างประเทศ ที่ส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ ตามแบบคำขอท้ายประกาศนี้ ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2544 นี้
2. ให้แนบเอกสารหลักฐานประกอบคำขออนุญาต ดังนี้
2.1 บุคคลธรรมดา
2.1.1 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารอื่นที่ใช้แทนบัตรประจำตัว ประชาชนได้
2.1.2 สำเนาทะเบียนบ้าน
2.1.3 หนังสือรับรองจากสมาคมหรือชมรม หรือหน่วยงานที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของจังหวัดพังงา หรือภูเก็ต หรือจังหวัดใกล้เคียง
2.2 นิติบุคคล
2.2.1 สำเนาหนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท ซึ่งรับรองไว้ไม่เกิน 6 เดือน
2.2.2 สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลง ชื่อผูกพันบริษัททุกคน
2.2.3 หนังสือมอบอำนาจในกรณีการดำเนินการแทนนิติบุคคล
2.2.4 สำเนาใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
3. เมื่อผู้ประกอบการได้รับอนุญาตให้ผ่อนผันการจัดเก็บค่าธรรมเนียมแล้ว ให้นำหลักฐานการได้รับอนุญาตไปชำระค่าธรรมเนียมการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา สำหรับชาวต่างประเทศ ได้ที่ส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ โดยกรมป่าไม้จะใช้บัตรค่าธรรมเนียม ดังนี้
ผู้ใหญ่ ใช้บัตรค่าธรรมเนียมบุคคลชาวต่างประเทศ อัตราผู้ใหญ่ 200 บาท และประทับตรา "บัตรผ่อนผัน 20 บาท (Special Concession Rate 20 Baht)" และ "Only For Phang-nga National Park"
เด็ก ใช้บัตรค่าธรรมเนียมบุคคลชาวต่างประเทศ อัตราเด็ก 100 บาท และประทับตรา "บัตรผ่อนผัน 10 บาท (Special Concession Rate 10 Baht)" และ "Only For Phang-nga National Park"
4. เมื่อผู้ประกอบการได้รับบัตรค่าธรรมเนียมตามข้อ 3 ไว้แล้ว ให้ประทับตรา หรือสัญลักษณ์ของบุคคลหรือนิติบุคคล ของผู้ประกอบการไว้ด้านหลังบัตร(บริเวณส่วนที่ 2) แล้วมอบให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เป็นรายบุคคลเพื่อนำไปให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติตรวจสอบก่อนเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ทั้งนี้จำนวนบัตรที่รับไปจากกรมป่าไม้ จะต้องไม่เกินจำนวนที่ยื่นคำขออนุญาตไว้
5. สำหรับจำนวนบัตรผ่อนผันที่ผู้ประกอบการได้ยื่นคำขออนุญาตไว้ เมื่อได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้แล้วจะต้องทำการซื้อภายในไม่เกิน 6 ครั้ง ให้ครบถ้วนตามจำนวนบัตรที่ยื่นคำขออนุญาตไว้
6. สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่ไปชำระเงินค่าธรรมเนียม ที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงากรมป่าไม้ จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราปกติ คือ 200 บาท และ 100 บาท
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544--จบ--
-สส-