กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--กระทรวงสาธารณสุข
แพทย์หญิงนิพรรณพร วรมงคล ผู้อำนวยการส่วนอนามัยแม่และเด็ก สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ภาวะโลหิตจางพบบ่อยในหญิงมีครรภ์ ซึ่งจากการสำรวจพบหญิงตั้งครรภ์มีภาวะโลหิตจางถึงร้อยละ 14.5 สาเหตุเนื่องจากการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก ไม่เพียงพอ หรือเสียเลือดเรื้อรัง จากโรคพยาธิปากขอ กระเพาะอาหารเป็นแผล หรือโรคริดสีดวงทวาร รวมทั้งโรคทางพันธุกรรม เช่น โรคธาลัสซีเมีย ซึ่งพบว่าประชากรที่เป็นพาหะของโรคนี้มีมากถึงร้อยละ 30 — 40 ส่งผลให้มารดาและทารกแรกเกิดมีความเสี่ยงสูง รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนต่างๆ มากกว่าปกติ เช่น คลอดก่อนกำหนด แท้ง ทารกตายในครรภ์ ทารกมีน้ำหนักตัวน้อย มารดาตกเลือดและติดเชื้อ หลังคลอด เป็นต้น จากการศึกษาวิจัยหญิงตั้งครรภ์ทั้งหมด 6,536 คน ที่มาฝากครรภ์ครั้งแรก ณ โรงพยาบาลแม่และเด็ก 6 แห่ง 4 ภาค ทั่วประเทศไทย พบหญิงตั้งครรภ์มีภาวะโลหิตจางสูงสุดที่จังหวัดขอนแก่น รองลงมาคือจังหวัดนครสวรรค์ และภาคใต้ที่จังหวัดยะลา โดยเฉพาะภาคใต้ หญิงตั้งครรภ์มักมีภาวะโลหิตจางจากโรคพยาธิปากขอร่วมด้วยถึงร้อยละ 20 แพทย์หญิงนิพรรณพร วรมงคล กล่าวด้วยว่า พบหญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มีภาวะโลหิตจางได้ ในช่วงอายุครรภ์ 3 เดือนขึ้นไป หากไม่ได้ธาตุเหล็กเสริมจะส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางในขณะตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ควรรีบฝากครรภ์ เพื่อจะได้ตรวจสุขภาพและตรวจเลือดหาภาวะโลหิตจาง เสียแต่เนิ่นๆ แม้ไม่พบมีภาวะโลหิตจางแต่หญิงตั้งครรภ์ต้องได้รับวิตามินเสริมธาตุเหล็ก สำหรับสตรี ที่คุมกำเนิดหรือสตรีที่วางแผนจะมีบุตร ควรตรวจร่างกายประจำปีอย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อตรวจหาความผิดปกติของร่างกายและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจาง--จบ--
-สส-