กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--ไอเดียเวิร์คส์คอมมิวนิเคชั่นส์
ผลสำรวจชี้ไทยก้าวนำ ด้านการใช้ API ในชาติอาเซียน และเป็นอันดับ 2 ในชาติเอเชีย-แปซิฟิก แต่ยังเผชิญอุปสรรคสำคัญ ด้านการร่นระยะเวลาสู่ตลาด หลังจากการใช้งาน API
ผลจากการสำรวจวิจัยระดับโลกโดยบริษัท ซีเอ เทคโนโลยี ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยก้าวเป็นผู้นำในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในด้านการใช้งานAPI หรือ Application Programming Interface แล้วโดยกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ปัจจุบันได้ใช้งาน APIแล้วในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิตอล
การสำรวจนี้ใช้ชื่อว่า API สู่การสร้างความเชื่อมโยงทางธุรกิจในยุคเศรษฐกิจแอพพลิเคชั่น (APIs: Building a Connected Business in the App Economy ) ได้นำข้อมูลวิเคราะห์จากการตอบแบบสอบถามจากบรรดาผู้บริหารระดับสูงทางธุรกิจและผู้บริหารไอทีจำนวน 1770 รายทั่วโลก โดยมี 799 ราย มาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น(APJ) โดยรวมประเทศไทยด้วย ผลการสำรวจนี้มุ่งเป้าไปที่หาข้อมูลเชิงลึกว่า องค์กรบริษัทต่างๆสามารถนำ API เข้ามา ขยายธุรกิจของตนในยุคเศรษฐกิจแอพพลิเคชั่นอย่างไรบ้าง
นอกจากที่ประเทศไทยจะได้รับการจัดอันดับสูงสุดในด้านอัตราการใช้งาน API ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้แล้ว บริษัท หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยยังได้รับผลตอบแทนมหาศาลตามการวัดค่า KPIs เชิงปริมาณ จากการลงทุนลงแรงในด้าน API โดยตัวผลการสำรวจได้ระบุดังนี้
• สามารถลดจำนวนความล้มเหลวของ การตรวจสอบที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบภาครัฐ ลงได้ 55 เปอร์เซ็นต์
• ลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีที่เกี่ยวข้อง 55 เปอร์เซ็นต์
• เพิ่มความพอใจของลูกค้าได้ 53 เปอร์เซ็นต์
• เพิ่มปริมาณยอดการทำธุรกรรม 53%
• เพิ่มความพอใจในการทำงานกับ ของพาร์ตเนอร์และคู่ค้า 52 เปอร์เซ็นต์
อัตราการปรับปรุงพัฒนานี้ยังจัดว่าสูงที่สุดในประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ สูงที่สุดเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น โดยอยู่อันดับรองจากประเทศอินเดียและยังจัดว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ซึ่งที่อยู่ที่ 43-44 เปอร์เซ็นต์ ในแต่ละการวัด KPIs
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะได้รับการจัดอันดับคะแนนที่ดีในด้านการใช้งาน API แต่บริษัทและองค์กรต่างๆ ยังคงตามหลังในเรื่องของ การนำโปรดักต์ออกสู่ตลาดอย่างรวดเร็วโดย ในแง่นี้มีการปรับปรุงพัฒนาเพิ่มขึ้นเพียง 16 เปอร์เซ็นต์ ในด้านของเวลาที่ใช้ในการพัฒนาโปรดักต์ ทดสอบและออกแอพพ์ใหม่ๆ มาสู่ตลาดและอัตรานี้ เป็นการวัดหลังการใช้งาน API ด้วยซึ่งจัดว่าอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นซึ่งอยู่ที่ 21 เปอร์เซ็นต์
จะเห็นว่า เป้าหมายการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จาก APIs นั้น เส้นทางการพัฒนาก็มีอุปสรรคด้วยเช่นกัน ซึ่งแตกต่างออกไปตามแต่ละประเทศ โดยในประเทศไทยผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ยังขาดทรัพยากรแรงงานที่มีทักษะฝีมือในการนำประโยชน์จากการใช้งาน API มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่มีอีก 41 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า คือปัญหานี้ รวมกับปัญหาขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภัยให้กับระบบ API ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่อีกส่วนระบุว่ามีปัญหาในด้านขีดความสามารถในการปรับขยายขนาดตามการใช้งานหรือการบริหารจัดการประสิทธิภาพการทำงานโดย 2 อันหลังนี้จะ มีผู้ตอบแบบสอบถามระบุไว้ในอัตรา 37 เปอร์เซ็นต์
"ความสำเร็จในยุคเศรษฐกิจแอพพลิเคชั่นปัจจุบัน หมายความว่าการเชื่อมโยงโปรดักต์ที่มีให้ตรงกับความต้องการจำเป็นของลูกค้า เชื่อมโยงลูกค้ากับการใช้งาน app ในอุปกรณ์ต่างๆและเชื่อมโยงบริษัทองค์กรหน่วยงานต่างๆให้เข้ากับ ระบบทำงานกับพาร์ตเนอร์เป็นเรื่องสำคัญ โดย APIจะเป็นตัวตั้งสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบจิตอลและเป็นศูนย์กลางประสานงานสำคัญที่ช่วยให้การเชื่อมต่อต่างๆสามารถเป็นไปได้อย่างรวดเร็วถูกต้องแม่นยำและมีความรักษาความปลอดภัย ในขณะที่นำเสนอบริการที่มีคุณภาพได้ " นิค ลิม รองประธานภูมิภาคอาเซียนและจีน และภูมิภาครายรอบจีน บริษัทซีเอ เทคโนโลยีกล่าว
ข้อดีของการบริหารจัดการ API ระดับสูง
ผลการศึกษาด้านความพร้อมของรูปแบบการจัดการ API ได้ประเมินพิจาณณาว่า บริษัทและองค์กรต่างๆได้มีการใช้งานโปรแกรมทูลและเทคโนโลยี ระบบต่างๆ รวมทั้งขั้นตอนการทำงานและศักยภาพที่จำเป็นที่จะต้องมีในการบริหารจัดการ API อย่างครบถ้วนครบวงจรอย่างไรบ้างโดย จุดนี้จะเป็นพื้นฐานของการบริหารจัดการ API ครบวงจรที่มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีเพื่อที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการพัฒนาระบบ API นับตั้งแต่ ขั้นตอนจากแนวคิดเริ่มต้น ไปสู่การใช้ประโยชน์ในขั้นปลาย
จากผลการสำรวจนี้ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพ API ขั้นสูงมากที่สุดหรือ 63 เปอร์เซ็นต์ ตามติดประเทศอินเดียและอินโดนีเซียและสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นที่อยู่ที่ 55 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ตอบแบบสอบถามที่มีการใช้งานระบบบริหารจัดการ API แบบครบวงจรแล้วนั้น ได้มีการใช้งานตามศักยภาพด้านต่างๆ อย่างน้อย 80 เปอร์เซ็นต์ เช่นการเชื่อมต่อระบบเดิมเข้ากับระบบใหม่ที่ใช้งาน การสร้างAPI อย่างรวดเร็วเพื่อที่ จ ส่งต่อข้อมูลในระบบได้อย่างปลอดภัย การเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับระบบแบคเอนด์และ แอพพลิเคชั่นเดิมที่ใช้งานอยู่ การปกป้องการเชื่อมต่อที่มีด้วยระดับรักษาการความความปลอดภัยที่ถูกต้องเหมาะสม การเร่งการพัฒนา ด้านโมไบล์ การใช้ประโยชน์จากระบบดิจิตอลที่เกี่ยวข้องด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลระดับสูงและการสร้างรายได้อื่นๆ
"น่าประทับใจอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นมีการบรรลุผลระดับสูงทางด้านการบริหารจัดการ APIในประเทศไทยซึ่งแสดงให้เห็นชัดว่าบริษัทต่างๆมีความตระหนักชัดเจนในความจำเป็นที่จะต้องลงทุนในด้านศักยภาพระดับสูงเพื่อรองรับการใช้งานAPIอย่างครบวงจร ซึ่งส่งผลให้มีความสำเร็จและได้รับผลตอบแทนกลับคืนมา อย่างไรก็ตามยังมีรายละเอียดงานที่จะต้องดำเนินการให้ลุล่วงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความคล่องตัวทางธุรกิจและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับองค์กรหน่วยงานบริษัทต่างๆ ที่จะแก้ปัญหาอุปสรรคเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้นในการใช้งาน APIเพื่อให้มั่นใจว่าแนวคิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิตอลจะประสบความสำเร็จ" นิค ลิม รองประธานภูมิภาคอาเซียนและจีน และภูมิภาครายรอบจีน บริษัทซีเอ เทคโนโลยีกล่าวเสริม