กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--IR PLUS
"อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอมฯ" เรียกความมั่นใจโชว์งานในมือกว่า 2 พันล้านบาท ส่งผลต่อผลงาน H2/60 สวย ประกาศผลการดำเนินงานงวด Q2/60 มีกำไร 24.82 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 206.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 5.85% "ณัฐนัย อนันตรัมพร" เอ็มดีหนุ่มไฟแรง เผยในช่วงกลางเดือนก.ย นี้ คาดเซ็นสัญญาให้เช่าโครงข่ายเพื่อ Backup โครงข่ายสายเคเบิลใต้น้ำ ที่เชื่อมต่อจากประเทศสิงคโปร์ ไปยังเมียนมา มูลค่า 600 ล้านบาท หนุนรายได้บริษัทให้เติบโตแข็งแกร่ง
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจทุกธุรกิจจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2560 สนับสนุนรายได้ให้บริการโครงข่ายปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ จากปีก่อนที่มีรายได้ 809.29 ล้านบาท หลังบริษัทมีงานเพิ่มขึ้น และมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้มาจากการให้บริการโครงข่าย และดาต้าเซ็นเตอร์ 70% และอีก 30% จากงานติดตั้งโครงการ ควบคู่การให้ความสำคัญเรื่องกำไรสุทธิ หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2/60 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 206.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.85 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 194.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 24.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.59 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.45 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาส 2/60 บริษัทมีรายได้จากงานบริการโครงข่ายใยแก้วนำแสงซึ่งถือเป็นรายได้หลักอยู่ที่ 129.23 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63.01 ของรายได้จากการให้บริการ เทียบกับไตรมาส 1/60 ที่มีรายได้ 117.58 ล้านบาท เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทมีการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 75 จังหวัดทั่วประเทศ จากปี 58 มีอยู่ 49 จังหวัด เพื่อให้โครงข่ายของบริษัทฯครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มเส้นทางเชื่อมต่อไปยังลูกค้า ในขณะเดียวกันโครงข่ายของบริษัทฯเป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจด้วยคุณภาพของการให้บริการ จึงทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง รองลงมาเป็นการให้บริการติดตั้งโครงข่าย คิดเป็นสัดส่วน 27.74% หรือมีรายได้อยู่ที่ 56.89 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ คิดเป็นสัดส่วน 9.25% ของรายได้จากการให้บริการ หรือมีรายได้จำนวน 18.98 ล้านบาท ปัจจุบันอัตราการเข้าใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นเป็น 95%
"ใน Q2/60 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 24.82 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 12.04 โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 18.43 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ 9.81 เนื่องจากบริษัทสามารถหาลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้มากขึ้น และควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นจำนวน 63.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 9.10 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 30.75 เทียบกับ Q1/60 ที่มีกำไรขั้นต้นจำนวน 53.97 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 28.91 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจให้บริการติดตั้งโครงข่ายเพิ่มขึ้น" นายณัฐนัย กล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 60 และในอนาคตมองว่าธุรกิจ Data Service ของบริษัทฯ มีแนวโน้มที่ดีจากความครอบคลุมของโครงข่ายถึง 75 จังหวัด ทำให้โครงข่ายมีเสถียรภาพมากขึ้น สร้างความพึงพอใจและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ประกอบกับการที่บริษัทฯสามารถพิสูจน์ตนเองจนสร้างความน่าเชื่อถือกับลูกค้าได้ ทำให้บริษัทฯมีความได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้น ดังนั้นรายได้จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปริมาณการใช้งานของลูกค้าเช่าวงจร ซึ่งบริษัทฯ เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมและบริษัทเอกชนทั่วไป โดยปัจจุบันได้เพิ่มทีมงานทางด้านการขายเพื่อรองรับกับโอกาสทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น และรองรับการใช้งานจากประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ บริษัทยังคาดหวังรายได้จากการร่วมทุนสร้าง Data Center แห่งใหม่ ที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปี 60 ในรูปส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าอีกด้วย สำหรับครึ่งปีหลังรายได้จะเติบโตเร็วขึ้น จากการให้บริการลูกค้าใหม่ คือ MTLS เพิ่มขึ้นไตรมาสละ 400 สาขา เริ่มตั้งแต่ Q2/60 ที่ผ่านมา สัญญา 5 ปีต่อ 5 ปี ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนรายได้ของบริษัทให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 2/60 บริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 1,500 ล้านบาท เป็นรายได้จากงานบริการโครงข่ายใยแก้วนำแสง 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ราว 30% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และรายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่าย 300 ล้านบาท รับรู้รายได้ 50% ในช่วงครึ่งหลังของปี 60 นี้เช่นกัน ในช่วงกลางเดือนก.ย นี้ คาดว่าจะเซ็นสัญญาให้เช่าโครงข่ายเพื่อ Backup โครงข่ายสายเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมจากประเทศสิงคโปร์ไปยังเมียนมา มูลค่า 600 ล้านบาท ช่วยหนุนให้รายได้ของบริษัทให้เติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืน