กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--ซีพีเอฟ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผลักดันมาตรฐาน CPF SHE&En Standard ทุกฟาร์ม-โรงงาน ส่งเสริมบุคลากรคิดค้นโครงการประหยัดและอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า-น้ำกว่า 100 โครงการ ตลอดปี 59 ส่งผลประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้มากกว่า 50 ล้านบาท
นายสุชาติ วิริยะอาภารองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อมและพลังงาน ซีพีเอฟ (CPF SHE&En) เปิดเผยว่า ซีพีเอฟมุ่งมั่นดำเนินโครงการด้านการประหยัดพลังงาน มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมให้พนักงานทุกคนได้นำเสนอแนวคิดหรือวิธีการ ที่จะช่วยพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าและใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่า ในปี 2559 ที่ผ่านมา ซีพีเอฟได้ริเริ่มโครงการใหม่มากถึง 104 โครงการ ช่วยลดการใช้พลังงานกว่า 80,000 กิกะจูล คิดเป็นร้อยละ 11.26 ต่อหน่วยการผลิต เมื่อเทียบกับปีฐาน 2558 ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas : GHG) ได้กว่า 7,200 ตันคาร์บอนได้ออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็นร้อยละ 1.05 ต่อหน่วยการผลิต สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้มากกว่า 50.6 ล้านบาท ลดปริมาณการนำน้ำมาใช้ต่อหน่วยการผลิตได้มากกว่าร้อยละ 6.88 และลดปริมาณของเสียที่ต้องนำไปกำจัดด้วยการฝังกลบและเผาต่อหน่วยการผลิตได้ถึงร้อยละ 16.83
"ปัจจุบันฟาร์มและโรงงานของซีพีเอฟทั้งหมด 169 แห่ง เข้าร่วมโครงการรสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก หรือ LESS (Low Emission Support Scheme) ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก(องค์การมหาชน) หรือ อบก. ทำให้บริษัทได้มีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 739,734 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และกักเก็บ GHG ได้ 30,147 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า" นายสุชาติ กล่าว
ตัวอย่างความสำเร็จของโครงการฯ อาทิ โครงการปรับปรุงผนังโรงเรือนเลี้ยงไก่เนื้อ ด้วยการเปลี่ยนจากผนังผ้าม่าน PVC เป็นผนังทึบกันความร้อน ISOWALL เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการระบายอากาศ ควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนให้เหมาะสมมีการ ใช้พลังงานในกระบวนการผลิตอย่างคุ้มค่า ทั้งยังช่วยยกระดับการผลิตอาหารปลอดภัย ซึ่งได้ผลลัพธ์เชิงบวกทั้งด้านประสิทธิภาพการเลี้ยงและด้านสิ่งแวดล้อม จากอัตราการแลกเนื่อหรือ FCR ของไก่ไเนื้อดีขึ้น มีอัตราการสูญเสียของไก่ต่ำลง และช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ถึงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับโรงเรือนผนัง PVC และสามารถลดการใช้น้ำในโรงเรือนเลี้ยงไก่เนื้อได้ถึง 6,300 คิวต่อปี
นายสุชาติกล่าวอีกว่า บริษัทจึงได้ศึกษาและคิดค้นแนวทางการปรับปรุง ปรับเปลี่ยน และพัฒนาต่อยอดทั้งด้านกระบวนการ (Process) และผลิตภัณฑ์ (Product) ผ่านการบริหารจัดการในเชิงบูรณาการตามแนวทาง 4Rs คือ การลดการใช้ (Reduce) การใช้ซ้ำ (Reuse) การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการฟื้นฟูหรือใช้ทางเลือกใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเดิม (Replenish) ภายใต้มาตรฐานและกระบวนการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยสิ่งแวดล้อม และพลังงานซีพีเอฟ (CPF Safety Health Environment and Energy Standard: CPF SHE&En Standard) ครอบคลุมแนวปฏิบัติและข้อกำหนดในการบริหารจัดการทั้งด้านพลังงาน ก๊าซเรือนกระจก น้ำ และของเสีย สอดคล้องตามกฏหมาย และมาตรฐานสากล เช่น ISO 14001: ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม, ISO 50001 : ระบบการจัดการพลังงานตามมาตรฐานสากล และ OHSAS18001 : การรับรองอาชีวอนามัยและการบริหารความปลอดภัย เป็นต้น รวมถึงนำแนวทางสากล อาทิ Global Water Tool, Local Water Tool และ GHG Reporting มาประยุกต์ใช้ โดยมีคณะกรรมการบริหารด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม และพลังงาน (CPF SHE&En Management Committee) กำกับดูแลและบริหารงานให้เป็นไปตามนโยบายและมาตรฐานดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ได้พัฒนาหลักสูตรและจัดอบรม SHE&En รวม 12 หลักสูตร เช่น หลักสูตรภาวะผู้นำกับการสร้างวัฒนธรรม การประเมินผู้มีส่วนได้เสีย การประเมินและการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านน้ำ การประเมินความเสี่ยงด้าน SHE&En ด้วยเทคนิคขั้นสูง เป็นต้น เพื่อให้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานมีความรู้ ความเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ CPF SHE&En Standard สำหรับกำหนดกลยุทธ์ วางแผนงาน และบริหารจัดการธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5 ปี (2559-2563) เพื่อผลักดันการมีส่วนร่วมของทุกสายธุรกิจในการปรับปรุงพัฒนาการดำเนินงานสู่การคิดค้นริเริ่มนวัตกรรมที่ช่วยสร้างเสริมสมดุลระหว่าง การเติบโตอย่างมีกำไร การมุ่งสู่ความเป็นเลิศ และการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงในระยะยาว รวมถึงเพื่อร่วมสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (Sustainable Development Goals : SDGs) เราตั้งเป้าหมายเทียบกับปีฐาน 2558 ว่าจะต้องลดปริมาณการใช้พลังงานต่อหน่วยการผลิตร้อยละ 5, ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยร้อยละ 5, ลดปริมาณการนำน้ำมาใช้ต่อหน่วยร้อยละ 10 และลดปริมาณของเสียที่กำจัดโดยฝังกลบและเผาต่อหน่วยการผลิตร้อยละ 30
"ซีพีเอฟยังเดินหน้าขยายมาตรฐานการเก็บข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยดัชนีชี้วัดประสิทธิผลการดำเนินงาน CPF SHE&En KPIs (Key Performance Indicators) ไปยังสถานประกอบการของบริษัทในต่างประเทศ คาดว่าจะครอบคลุมทุกประเทศทั่วโลก ภายในปี 2560 นี้" นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย