กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
พื้นที่ในตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตเกลือทะเลที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ปัจจุบันเกษตรกรที่ยึดอาชีพการทำนาเกลือมีจำนวนลดลง กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพทำนาเกลือ จึงได้นำแนวทางการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่เข้ามาดำเนินการสนับสนุนให้เกษตรกรชาวนาเกลือในพื้นที่นิคมสหกรณ์โคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร รวมกลุ่มกันบริหารจัดการนาเกลือแบบแปลงใหญ่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร ช่วยลดต้นทุนการผลิต และพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกลือให้ได้มาตรฐานเดียวกัน ซึ่งจะทำให้สามารถส่งไปแข่งขันในตลาดได้กว้างมากยิ่งขึ้น และยังช่วยแก้ไขปัญหาราคาเกลือทะเลตกต่ำได้อีกทางหนึ่ง โดยได้เริ่มดำเนินการที่สหกรณ์กรุงเทพ จำกัด เป็นสหกรณ์นำร่องด้านการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่นาเกลือ
สหกรณ์กรุงเทพ จำกัด มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ปี 2480 รัฐบาลสมัยนั้นได้จัดสรรที่ดินทำกินให้กับราษฎรที่ไม่มีที่ทำกิน แล้วมีนโยบายให้พื้นที่ที่ติดกับทะเลประกอบอาชีพการทำนาเกลือ ต่อมาใน ปี 2485 ก็เริ่มจัดตั้งเป็นสหกรณ์ขึ้นในรูปแบบของสหกรณ์ โดยตั้งชื่อสหกรณ์แห่งแรกว่า "สหกรณ์นิคม นาเกลือกรุงเทพไม่จำกัด" ต่อมากรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เข้ามาส่งเสริมผลักดันให้มีการค้าขายกับตลาดต่างประเทศ โดยมีคณะกรรมการเข้ามากำกับดูแล จนทำให้สหกรณ์แห่งนี้มีความเข้มแข็งขึ้น และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "สหกรณ์กรุงเทพ จำกัด" โดยมี นายเลอพงษ์ จั่นทอง ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการสหกรณ์ฯ
ในอดีตการทำนาเกลือที่ผ่านมานั้น ไม่ถือว่าเป็นเกษตรกรรม และพี่น้องราษฎรที่ทำนาเกลือ ก็ไม่จัดว่าเป็นเกษตรกร ต่อมาในปี 2554 ครม.มีมติให้เกลือทะเลหรือเกลือสมุทรเป็นเกษตรกรรม จึงทำให้วิถีชีวิตของราษฎรเปลี่ยนไปจากนายเหมืองเป็นเกษตรกรตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของอาชีพการทำนาเกลือ โดยให้พี่น้องเกษตรกรรวมตัวกันเป็นนาเกลือแปลงใหญ่ สหกรณ์ฯ จึงได้หารือกับสมาชิก และมีมติให้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการทำเกษตรกรรม นาเกลือแปลงใหญ่ พื้นที่โครงการ 1,120 ไร่ จำนวนสมาชิก 28 ราย โดยตั้งชื่อกลุ่มว่า "กลุ่มผู้ผลิตเกลือทะเลแปลงใหญ่สหกรณ์กรุงเทพ จำกัด"
นายเลอพงษ์ กล่าวว่า เชื่อว่าในอนาคตวิถีชีวิตการทำนาเกลือคงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น และขอขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับพี่น้องเกษตรกรการทำนาเกลือ ที่นับวันเกษตรกรทำนาเกลือเริ่มมีจำนวนลดลง เมื่อมีนโยบายแบบนี้เกิดขึ้น ก็ทำให้พี่น้องเกษตรกรเกิดความตื่นตัวที่จะพัฒนาอาชีพการทำนาเกลือ และกระตุ้นให้เกษตรกรกลับมาทำอาชีพนาเกลืออีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัดสมุทรสาครได้ลงมาขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มที่และให้ความสำคัญกับการส่งเสริมแปลงใหญ่นาเกลือ โดยได้มีการประชุมหารือกับสมาชิก เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอน กระบวนการ และวิธีการทำนาเกลือแปลงใหญ่ พร้อมทั้งกำหนดทิศทางที่ชัดเจน เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลต่อไปในอนาคต
ด้านนางอุไร ทับเทศ สหกรณ์จังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า การรวมตัวกันทำนาเกลือในรูปของแปลงใหญ่จะก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการ เช่น การรวมซื้อรวมขาย การรวบรวมอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำนาเกลือ ไว้ในจุดเดียวและมีการบริหารจัดการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ ประมาณ 20% จากต้นทุนการผลิตเกลือทะเล 1,200 บาท/เกวียน ซึ่งวิธีการที่จะช่วยในการลดต้นทุน การผลิต ประกอบไปด้วย การใช้พลังไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ทดแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง กังหันลมหวิดน้ำเข้านาเกลือ การใช้แผ่นพลาสติกในการทำนาเกลือ การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เครื่องดูดเกลือ สายสะพานลำเลียงเกลือในการขนส่งแทนแรงงงานคน
เมื่อเกษตรกรรวมตัวกันก็จะก่อให้เกิดพลังขึ้น สร้างอำนาจการต่อรองขึ้น และไม่ถูกเอารัด เอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง และในอนาคตถ้าเกษตรกรสามารถรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง ก็จะเป็น ผู้กำหนดราคาเอง เนื่องจากการผลิตเกลือทะเลจะมีตลาดที่แน่นอน โดยสหกรณ์กรุงเทพ จำกัด จะทำหน้าที่ในการวางแผนการผลิตเกลือทะเล การจัดหาปัจจัยการผลิต การแปรรูปและการตลาด ในอนาคตเมื่อเกษตรกรรวมตัวกันเป็นนาเกลือแปลงใหญ่แล้วจะมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพมาอันดับ 1 ซึ่งมั่นใจว่าจะผลิตเกลือให้มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับของตลาดมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทางจังหวัดสมุทรสาครยังได้สนับสนุนงบประมาณส่งเสริมเกษตรกรชาวนาเกลือโดยได้มอบเงินอุดหนุน 20 ล้านบาทให้กับสหกรณ์ชาวนาเกลือ 2 แห่งของจังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ สหกรณ์กรุงเทพ จำกัด และสหกรณ์การเกษตรนาเกลือสมุทรสาคร จำกัด โดยจัดสรรเงินทุนให้ แห่งละ 10 ล้านบาท สำหรับนำไปพัฒนากระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์สินค้าเกลือทะเลให้มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาด ซึ่งสหกรณ์ได้วางแผนจัดซื้อเครื่องโม่ เครื่องอบ เครื่องล้าง และโรงจัดเก็บเกลือ เพื่อพัฒนาเกลือสมุทรให้มีคุณภาพได้มาตรฐานสินค้าเกษตร (เกลือทะเล) พร้อมสำหรับการนำเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมได้และยังสามารถแข่งขันในตลาดกับเกลือสินเธาว์ได้มากขึ้น ซึ่งประโยชน์ของเกลือในภาคอุตสาหกรรม สามารถนำไปทำกระจก กระดาษ สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาล้างตา ฟอกย้อม ส่วนในด้านการบริโภค ก็เอาไปทำกะปิ น้ำปลา และสินค้าอื่นๆ อีกมากมายหลายชนิด ซึ่งการแปรรูปจะช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าและผลิตภัณฑ์ เมื่อเป็นนาเกลือแปลงใหญ่แล้ว สหกรณ์จะทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับห้างร้านต่างๆ เพื่อกระจายสินค้าออกสู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อปี 2559 สหกรณ์กรุงเทพ จำกัด ยังได้ทำบันทึกข้อตกลงระหว่างหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร กับสหกรณ์กรุงเทพ จำกัด ภายใต้โครงการ 1 หอการค้า 1 สหกรณ์ ตามนโยบายประชารัฐ ของรัฐบาล ซึ่งหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร เข้ามาช่วยเหลือแนะนำเกี่ยวกับการแปรรูปเกลือทะเลเป็น เกลือสปาและผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกหลายชนิด เช่น เกลือแช่เท้า เกลือสมุนไพรขัดผิว เกลืออโรมา สบู่เหลวขัดผิว และเกลือปรับอากาศ ฯลฯ เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ส่งผลทำให้เกลือทะเลมีมูลค่า เพิ่มขึ้น ปัจจุบันได้รับการตอบรับจากตลาดและผู้บริโภคเป็นอย่างดี กลายเป็นของขวัญของฝากที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดสมุทรสาทร ซึ่งในอนาคตทางสหกรณ์กำลังพัฒนาการผลิตเกลือสปาให้มีความหลากหลาย และขยายไปสู่ตลาดได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมกระบวนการส่งเสริมแปลงใหญ่นาเกลือและผลิตภัณฑ์เกลือสปาได้ที่สหกรณ์กรุงเทพ จำกัด ต.โคกขาม อ.เมือง สมุทรสาคร โทร.08-6524-1021