กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.กรุ๊ปลีส หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคเอเชีย เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยงสินเชื่อ หลังอนุมัติให้ผู้กู้กลุ่มไซปรัสชำระคืนเงินกู้ล่วงหน้าที่คำนวณตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.นี้ เป็นจำนวนเงินกว่า 13.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ย ช่วยรักษาสัดส่วนระหว่างเงินกู้ยืมและหลักประกันอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ส่งผลยอดหนี้คงเหลือของผู้กู้กลุ่มไซปรัสและผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์อยู่ที่กว่า 56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มูลค่าหลักประกันเงินกู้ยืมของผู้กู้ 2 ราย อยู่ที่กว่า 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังคงสูงกว่าหลักประกันอยู่ถึง 129.17%
นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า จากกรณีที่ Group Lease Holdings Pte. Ltd (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ในประเทศสิงคโปร์ ได้ให้เงินกู้ยืมแก่ผู้กู้กลุ่มไซปรัส และได้รับชำระคืนเงินกู้ยืมพร้อมดอกเบี้ยล่วงหน้าก่อนกำหนดตามสัญญาเงินกู้บางฉบับไปแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด GLH ได้รับการติดต่อจากผู้กู้กลุ่มไซปรัสเพื่อขอชำระคืนเงินกู้ยืมล่วงหน้าตามสัญญาเงินกู้บางฉบับอีกครั้ง และตัดสินใจอนุมัติให้ผู้กู้ชำระคืนเงินกู้ยืมล่วงหน้า หลังจากที่พิจารณาแล้วว่าจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ เนื่องจากจะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น และยังช่วยรักษาสัดส่วนระหว่างเงินกู้ยืมกับหลักประกันให้อยู่ในระดับที่ดี ถึงแม้อาจส่งผลกระทบกับรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่จะได้รับในอนาคตบ้างก็ตาม
ทั้งนี้ GLH ได้รับการชำระคืนเงินกู้ยืมล่วงหน้าตามสัญญาจำนวน 3 ฉบับจากผู้กู้กลุ่มไซปรัส (Adalene Limited) ซึ่งคำนวณตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2560 ในครั้งนี้ เป็นจำนวนเงิน 13,136,612 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 436,948,675 บาท) และดอกเบี้ยค้างรับอีกจำนวน 489,158 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 16,270,324 บาท) เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้น ภายหลังที่ผู้กู้กลุ่มไซปรัสได้คืนเงินกู้ยืมล่วงหน้าเต็มจำนวน GLH จึงได้คืนหุ้นสามัญของ GL จำนวน 11.5 ล้านหุ้นที่ถูกนำมาใช้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินครั้งนี้ให้แก่ผู้กู้เป็นที่เรียบร้อย
ประธานคณะกรรมการบริหาร GL กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับชำระหนี้คืนหนี้เงินกู้ล่วงหน้าบางส่วนแล้ว GLH มียอดหนี้คงค้างที่ปล่อยกู้ให้แก่ผู้กู้ 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้กู้กลุ่มไซปรัสและผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2560 จำนวนรวมทั้งสิ้น 56,108,604 ดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนนี้แบ่งเป็น 1.ผู้กู้กลุ่มไซปรัส มียอดเงินกู้คงค้างที่ยังไม่ครบกำหนดชำระจำนวน 16,461,654 ดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ยค้างรับอีกจำนวน 326,202 ดอลลาร์สหรัฐ และ 2.ผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ มียอดเงินกู้คงค้างที่ยังไม่ครบกำหนดชำระจำนวน 39,646,950 ดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ หลักประกันการกู้ยืมที่ผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มนำมาใช้ค้ำประกันเงินกู้นั้น ปัจจุบันมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 72,470,251 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่ายอดหนี้คงค้างคิดเป็น 129.16% และไม่มีการนำหุ้นสามัญของ GL มาใช้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินแล้ว โดยมูลค่าหลักประกันดังกล่าวแบ่งเป็นหลักประกันของผู้กู้กลุ่มไซปรัสมีมูลค่า 23,698,202 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็น 143.96% ของยอดหนี้คงค้าง และหลักประกันของผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์มีมูลค่า 48,772,049 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็น 123.02% ของยอดหนี้คงค้าง
"การที่ผู้กู้กลุ่มไซปรัสสามารถชำระคืนหนี้ล่วงหน้าเป็นการสะท้อนถึงความสามารถในการใช้คืนเงินกู้ได้เป็นอย่างดี และจากมูลค่าของหลักประกันคงเหลือที่ยังคงสูงกว่ายอดหนี้คงค้างจึงเป็นการบริหารความเสี่ยงการให้เงินกู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายทัตซึยะ กล่าว
นายทัตซึยะชี้แจงเพิ่มเติมว่า การชำระหนี้คืนก่อนกำหนดถือว่าเป็นประโยชน์โดยตรงกับ GL เนื่องจากเป็นการชำระเงินต้นคืนก่อนกำหนด แต่ดอกเบี้ยค้างรับนั้นมีการชำระคืนจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2560 โดยขณะนี้ GL ได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศเมียนมาร์ซึ่งมีศักยภาพสูงมากและสามารถปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 40% เทียบกับดอกเบี้ยประมาณ 15% จากผู้กู้กลุ่มไซปรัส โดย GL ได้โยกย้ายเงินทุนก้อนใหม่ไปสนับสนุนการขยายธุรกิจในเมียนมาร์แล้ว