กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--IR network
TFG แย้มผลงานครึ่งหลังปี"60 แรงทะลุมิติ ดันรายได้ทั้งปีโตเกิน 20% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ด้านผู้บริหาร "เชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์"เปิดแผนปี"61 เตรียมผงาด!!! ผู้นำอันดับ 3 ใน 3 ตลาด "เนื้อไก่-สุกร-ส่งออกไก่แช่แข็ง และผลิตอาหารสัตว์" ของประเทศไทย หลังทุ่มงบประมาณขยายโรงงาน-เพิ่มกำลังการผลิต-ลุยตลาดสินค้าไฮมาร์จิ้น ดันผลงาน New High ต่อเนื่อง
นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 บริษัทฯประเมินว่าแนวโน้มธุรกิจน่าจะเป็นบวก รายได้น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งแรกของปี ซึ่งมีรายได้ 12,052 ล้านบาท โดยทั้งปี คาดว่าจะเติบโตทั้งปีได้ไม่ต่ำกว่า 20% จากปีที่แล้ว ซึ่งมีรายได้ 20,626 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจเชิงรุกที่วางไว้
ส่วนแผนงานในปี 2561 ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป กำหนดตำแหน่งในตลาด (Market Positioning) เป็น 3X3 เป็นอันดับที่สามของประเทศ ในทั้ง 3 ตลาดของผู้ผลิตอาหารประเภท เนื้อไก่และสุกร ส่งออกไก่แช่แข็ง และ ตลาดผลิตอาหารสัตว์"
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนธุรกิจ โดยใช้ 3-Dimension Growth Strategy ขยายตลาดสินค้าเดิมและตลาดสินค้าใหม่ โดยมีเป้าหมายรายได้รวม เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากธุรกิจเดิม และธุรกิจใหม่ไก่แปรรูป (Further) เพื่อส่งออก
แกนที่ 1: ธุรกิจไก่ จะขยายการชำแหละจาก 550,000 ตัวต่อวัน เป็น 600,000 ต่อวันในกลางปี 2561 มีเป้าหมายการส่งออก ไก่แช่แข็ง เพิ่ม 25% จาก 32,000 ตันต่อปี ในปี 2560 เป็น 40,000 ตันต่อปีในปีหน้า และโรงงานที่กำลังก่อสร้างจะเพิ่มการผลิตไก่แปรรูป ปรุงสุก 10,000 ตัน (40%) จากกำลังการผลิต 25,200 ตันต่อปี ในปีหน้าหลังเปิดไลน์ผลิต ในไตรมาส 2 เนื่องจากเริ่มการผลิตได้ไม่เต็มปี
แกนที่ 2: ธุรกิจสุกร จะขยายตัวจากปัจจุบัน 70,000 ตัวต่อเดือน (รวมธุรกิจในเวียดนาม) เป็น 80,000 ตัวต่อเดือน โดยจะเพิ่มสัดส่วนสุกรชำแหละจากโรงงานชำแหละที่ขอนแก่น และ ชลบุรี เป็น 40% และ ขยายการขายเข้าสู่ ฟู้ดส์เซอร์วิส และ อุตสาหกรรม เช่นเดียวกับไก่ และ ไส้กรอกในปีนี้
แกนที่ 3: ขยายธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ จาก 150,000 ตันต่อเดือนในสิ้นปีนี้ เป็น 200,000 ตันต่อเดือนในไตรมาส 3 ปีหน้า โดยการสร้างโรงงานอาหารสัตว์ใหม่ ขนาด 50,000 ตันต่อเดือน ที่ กาฬสินธุ์--ขอนแก่น
"บริษัทฯ ใช้กลยุทธ์การขาย (Market Strategy) ขายไก่แช่แข็งและแปรรูป ปรุงสุก ที่มุ่งเข้าสู่ตลาดส่งออก ซึ่งมีราคาและกำไรขั้นต้นสูงกว่าตลาดในประเทศ และบริษัทฯได้ขยายตลาดเข้าสู่ ตลาดอุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออก ตลาดโมเดิร์นเทรด และ ตลาดฟู้ดส์เซอร์วิสอย่างต่อเนื่อง สามารถทำให้มีกำไรขั้นต้นสูงขึ้น"
ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทฯจะขยายตลาดสินค้าไก่แช่แข็ง ส่งออกมากกว่า 25% และขยายตลาด ฟู้ดส์เซอร์วิสปีหน้า มากกว่า 50% จากเป้าหมายเดิม 1,000 ล้านในปีนี้ ทำให้สามารถขายสินค้า ในราคาสูงขึ้นและมีเสถียรภาพด้านราคาและคำสั่งซื้อมากขึ้น กว่าการขายหน้าโรงงาน และ ตลาดในประเทศ
ด้านกลยุทธ์การเงิน (Financial Strategy) บริษัทฯใช้กลยุทธ์เชิงอนุรักษ์นิยมต่อเนื่อง โดยรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่ให้เกิน 2 เท่า จาก 1.48 เท่า เมื่อสิ้นสุดไตรมาส 2 โดยรักษาสมดุล ระหว่าง การสร้างกำไร (Net Profit Generation) กับ การลงทุน(Investment) กับ การสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น( Return On Equity) และให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในรูปแบบต่างๆ โดยมีกลยุทธ์สร้างเสริมให้เป็นบริษัทที่มีพื้นฐาน ธุรกิจที่แข็งแรง (Fundamental Company) จากความสามารถแข่งขันโดยมีต้นทุนต่ำ (Low Cost Producer) และ ต้นทุนการเงินต่ำ (Low Cost of Fund) ไปพร้อมกัน โดยปรับโมเดลธุรกิจและการลงทุนให้เป็น Asset Light Model มากขึ้น และ ปรับโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมทั้งระยะสั้นและระยะยาว ให้มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงต่อเนื่อง เช่น การออกหุ้นกู้ ระยะ 3 ปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังต้องระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งราคาตลาดของไก่และสุกร ที่อ่อนไหว ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าและในประเทศ อัตราแลกเปลี่ยน ตลอดจนความเสี่ยงเรื่องคุณภาพการผลิต และ การป้องกันแพร่กระจายของโรค