กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก เผยหุ้นไทยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ส่วนเวิลด์แบงก์ คาดเศรษฐกิจไทยปี 61 ขยายตัว 3.6% ต่อเนื่องจากปีนี้ หนุนดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,600 – 1,620 จุด แนะลงทุน CK อานิสงส์เปิดประมูลรถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง และBANPU ราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูง 97.6 ดอลลาร์/ตัน ด้านแนวโน้มราคาทองคำทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์ และเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นรอบใหม่ จึงแนะนำให้เก็งกำไรรอบสั้น และทยอยปิดทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นทำให้กรอบอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 60 ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการเมื่อต้นปี โดยเวิลด์แบงก์ คาดเศรษฐกิจไทยปี 61 ขยายตัว 3.6% โดยมีการลงทุนบริโภคเอกชนเป็นแรงหนุน ขณะที่หนี้ครัวเรือนเริ่มลดลง รวมทั้งตัวเลขส่งออกไทยเดือนก.ค.60 เติบโต10.5% ในช่วง 7 เดือนแรกปี 60 การส่งออก เติบโต8.2% สูงสุดในรอบ 6 ปี เกินดุล 6,783 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และครม.เห็นชอบมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจรวมทั้งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีก่อนที่จะสิ้นสุดในปลายเดือนกันยายน 2560
ส่วนสถานการณ์การเมืองมีความผ่อนคลายมากขึ้น หลังไม่มีความรุนแรงรวมถึงการประท้วงต่อคำพิพากษาทุจริตโครงการจำนำข้าว ที่ศาลฯมีคำสั่งจำคุกอดีตรมต.ที่เกี่ยวข้องพร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหายมูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ยังมีปัจจัยกดดันจากต่างประเทศยังคงต้องจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีหลังจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามน่านฟ้าญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา อีกทั้งความกังวลสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองสหรัฐ หลังประธานาธิบดีทรัมป์โจมตีแกนนำสภาคองเกรสประเด็นการเพิ่มเพดานหนี้ และ Fund Flow ต่างชาติผันผวน ตั้งแต่เดือนส.ค. แต่ Net Sell ลดลงเหลือราว 6 พันล้านบาทเศษ
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 30 ส.ค. สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค. และตัวเลขGDP Q2/2560 (ประมาณการครั้งที่ 2) ส่วนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังของประเทศไทย วันที่ 31 ส.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย วันที่ 1 ก.ย. จีน เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ส.ค. และระหว่าง 1-7 ก.ย. ประมูลรถไฟรางคู่
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีปัจจัยบวก/ลบที่คละเคล้า โดยปัจจัยบวกสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่ไม่มีความรุนแรงภายหลังการตัดสินโครงการจำนำข้าว รวมถึงเวิลด์แบงก์คาดเศรษฐกิจไทยปี 61 เพิ่มขึ้น 3.6% อย่างไรก็ตามแรงกดดันจากความกังวลคาบสมุทรเกาหลี รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่เป็น Net Sellตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. ราว 6 พันล้านบาทเศษเป็นแรงกดดัน ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,600 – 1,620 จุด
ทั้งนี้ แนะนำซื้อสะสม หุ้นกลุ่มรับเหมา ได้แก่ CK อานิสงส์จากงานประมูลรถไฟรางคู่ 3 เส้นทางมูลค่าราว 5.5 หมื่นลบ.ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ รวมถึง BANPU ราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูง 97.6 ดอลลาร์/ตัน
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ตลาดกลับมาจับตาความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีอีกครั้ง หลังการประชุมธนาคารกลางที่ Jackson Hole ไม่มีความชัดเจนใด ๆ เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนตัวลงต่อ และส่งผลให้ราคาทองคำได้รับผลบวกในส่วนนี้ตามการแข็งค่าของเงินสกุลยูโร
อีกทั้ง การที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามประเทศญี่ปุ่นไปตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิกระหว่างการซ้อมรบร่วมเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ทำให้กระแสเงินทุนไหลกลับเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งได้แก่ทองคำจึงเป็นปัจจัยให้ราคาทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์ และเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นรอบใหม่
ทั้งนี้ คาดว่าผลบวกดังกล่าวจะคงอยู่จนกว่าจะมีความชัดเจนว่านานาชาติ โดยเฉพาะสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะดำเนินการตอบโต้เกาหลีเหนืออย่างไร
นอกจากนี้ ความไร้เสถียรภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ และระดับความเชื่อมั่นที่มีต่อประธานาธิบดีทรัมป์ที่ลดน้อยถอยลง ยังคงเป็นปัจจัยเสริมสำหรับการคงแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ของราคาทองคำ ทำให้แม้เงินบาทกลับมาแข็งค่า แต่ทองคำในประเทศยังได้รับผลบวกด้านราคา จึงแนะให้เก็งกำไรรอบสั้น และทยอยปิดทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น