กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--IR PLUS
XO เผย แนวโน้ม Q3/60 โตต่อเนื่อง สินค้ากลุ่มซอสโดดเด่น มีสัดส่วนยอดขายสูงถึง 73.2% โดยรายได้จากการขายในงวดครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่กว่า 482 ลบ. หรือเติบโต 5.84% ส่วนยอดขายสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายพิเศษเข้ามา ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 30.04 ลบ. "จิตติพร จันทรัช" เอ็มดี เผย ปัญหาโรงงานใหม่คลี่คลาย สามารถเดินเครื่องผลิตพร้อมรับออเดอร์ที่ไหลเข้ามาต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง และรองรับแผนขยายตลาดต่างประเทศที่เชื่อว่ามีโอกาสอีกมาก คาดผลงานปี 61 กลับคืนสู่สภาวะปกติ เร่งจัดกลยุทธ์รุกตลาดรับกำลังการผลิตใหม่เพิ่ม
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ส่งออกรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ, ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงเครื่องประกอบอาหาร, ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม, ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน และผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูปอื่นๆ เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2560 คาดจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากทิศทางคำสั่งซื้อซอสปรุงรสและน้ำจิ้มที่เป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ และมีมาร์จิ้นที่ดี เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ สัดส่วนยอดขายกลุ่มซอสปรุงรสอยู่ที่ 73.2% จากสิ้นปีที่แล้วทำไว้ที่ 66.1% ของยอดขายรวม ขณะที่สัดส่วนเครื่องดื่มมียอดขายลดลง เนื่องจากปี 2559 มีออเดอร์พิเศษจากลูกค้าสหรัฐเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้ในปีนี้คำสั่งซื้อเครื่องดื่มชะลอตัวอยู่ที่สัดส่วนเพียง 5.6% จากสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 13.8% ของยอดขายรวม เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ภาพรวมยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ เติบโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ประเมินทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังจะยังเติบโตได้ดีในสินค้ากลุ่มซอส จากแผนการขยายตลาดจากทีมขายของบริษัทฯ และการออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อเจาะตลาดทั้งลูกค้ารายเก่าและรายใหม่ เตรียมรับคำสั่งซื้อและมองหาโอกาสการเติบโตหลังโรงงานแห่งใหม่พร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ สนับสนุนให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จึงเชื่อว่า ภาพรวมบริษัทฯ ทั้งปี 2560 จะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวด 6 เดือนแรกของปี 2560 ( สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560) มีรายได้จากการขาย 482.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.84% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 26.59 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้าในกลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ ที่เติบโตขึ้นราว 19% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 30.04 ล้านบาท ลดลง 53.58% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 64.71 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจากการลดลงของอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าซึ่งอยู่ที่ 29.63% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 34.27% เนื่องจากเป็นช่วงที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างย้ายฐานการผลิตสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มไปยังโรงงานแห่งใหม่ และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น
สำหรับสัดส่วนยอดขายในตลาดส่งออกมาจากยุโรป 78% และสหรัฐฯ เอเชีย รวมถึงอื่นๆ 22% จากสิ้นปี 2559 มีสัดส่วนจากตลาดยุโรปอยู่ที่ 68% อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงไม่ให้เกิดการพึ่งพารายได้จากยุโรปมากจนเกินไป บริษัทฯ จึงพยายามขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น
"ปัญหาโรงงานแห่งใหม่ ที่นิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ไร้กังวล เราสามารถแก้ปัญหาการผลิตได้เรียบร้อยแล้ว แม้จะล่าช้ากว่ากำหนด แต่เนื่องด้วยเครื่องจักรใหม่ที่ทันสมัยกว่าเดิมมาก ทำให้ต้องปรับจูนจนสามารถผลิตสินค้าได้ตามแผนที่วางไว้ พร้อมรับคำสั่งซื้อสินค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องในอนาคต โจทย์ถัดไปของบริษัทฯ คือการขยายตลาดเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และออกสินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าพรีเมี่ยมในตลาดต่างประเทศ ควบคู่กับการบริหารต้นทุนการผลิตให้ดีที่สุด โดยยังคงมีสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มเป็นสินค้ากลุ่มหลัก ซึ่งตลาดดังกล่าวใหญ่มาก เราเชื่อว่าหากสามารถเจาะตลาด และหาลูกค้ารายใหญ่ที่ดี จะสนับสนุนคำสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากที่เข้ามาในอนาคต จึงมั่นใจปี 2561 จะเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ หลังจากปลดล็อคปัญหาโรงงานใหม่ ผลักดันยอดขายให้แข็งแกร่งในระยะยาว" นายจิตติพร กล่าว