กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--Brainasia Communicatio
คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ 4/2560 ได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณสนับสนุนให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กทบ.)จาก 70 จังหวัดทั่วประเทศได้ขับเคลื่อนโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ จำนวน 24,544 กองทุน 25,630 โครงการในวงเงิน 4,908,492,571 ล้านบาท (สี่พันเก้าร้อยแปดล้านสี่แสนเก้าหมื่นสองพันห้าร้อยเจ็ดสิบเอ็ดบาทถ้วน)
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้เปิดเผยว่าคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศในการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ในครั้งนี้จำนวน 24,544 กองทุน 25,630 โครงการในวงเงิน 4,908,492,571 ล้านบาท โดย 5 อันดับแรกได้แก่ โครงการร้านค้าชุมชน (ร้อยละ 7.17) โครงการปุ๋ย ยา เมล็ดพันธุ์ (ร้อยละ6.72) โครงการบริการชุมชน (ร้อยละ6.06) โครงการน้ำดื่มชุมชน (ร้อยละ4.80) และโครงการบริการน้ำมันเชื้อเพลิง (ร้อยละ3.58) ตามลำดับ
ซึ่งเมื่อรวมกับการอนุมัติครั้งที่ 1 แล้ว สรุปได้ว่า คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้อนุมัติงบประมาณสนับสนุนให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ ในการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐไปแล้ว จำนวน 29,153
กองทุน ในวงเงิน 5,830,268,571 ล้านบาท (ห้าพันแปดร้อยสามสิบล้านสองแสนหกหมื่นแปดพันห้าร้อยเจ็ดสิบเอ็ดบาทถ้วน) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 39.34 เป้าหมายทั้งหมด โดยคณะกรรมการคาดหวังว่าภายในกลางเดือนกันยายนนี้ จะสามารถอนุมัติงบประมาณสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ ขับเคลื่อนการดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ได้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80 ของเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้คณะกรรมการได้อนุมัติ การเปลี่ยนแปลงโครงการจากที่เคยอนุมัติไว้แล้วให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจำนวน 214 กองทุน ในวงเงิน 105,622,660 บาท ซึ่งเมื่อรวมแล้วทั้งหมดคระกรรมการได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการให้กองทุนไปแล้วทั้งสิ้น 4,787 กองทุน ในวงเงิน 2,325,541,003 บาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 6.67 ของโครงการทั้งหมด
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้เน้นย้ำว่าการอนุมัติโครงการครั้งนี้เป็นการอนุมัติเพื่อการต่อยอดและขยายผลโครงการ
ที่ได้ดำเนินการเมื่อปีที่แล้วซึ่งมีผลการประเมินให้สนับสนุนการต่อยอดและขยายผลโครงการเหล่านี้ได้โดยคณะกรรมการได้ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติหรือ สทบ.ได้เร่งสรุปการประเมิน โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐเมื่อปี 2559 ให้ครบทุกโครงการภายในเดือนกันยายนศกนี้
นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.)ได้รายงานเพิ่มเติมว่านอกจากการอนุมัติการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐดังกล่าวข้างต้นแล้ว คณะกรรมการได้เห็นชอบให้ สทบ.ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือกับกองทุนการออมแห่งชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบสถาปนากองทุนการออมแห่งชาติ 2 ปีในวันที่ 30 สิงหาคม 2560 นี้ โดยมุ่งหวังให้ สทบ. ได้มีส่วนสนับสนุน ในการเผยแพร่ความรู้และการติดตามดูแลสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติ และเห็นชอบในหลักการให้ สทบ. ได้รับเป็นเจ้าภาพจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษมในเดือนตุลาคม 2560 นี้ เพื่อเผยแพร่สินค้าที่มีคุณภาพดีในแต่ละท้องถิ่นให้ประชาชน ได้ใช้ประโยชน์ในราคาที่เหมาะสม โดยคณะกรรมการเห็นว่าทั้ง 2 เรื่องดังกล่าวจะทำให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองสามารถดำเนินการบริการประชาชนทั้งเรื่องการออม การส่งเสริมอาชีพของประชาชนและการพัฒนายกระดับสินค้าของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนได้อย่างกว้างขวางทั่วถึงยิ่งขึ้น ซึ่งทั้ง 2 โครงการดังกล่าวนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อสมาชิก กองทุนกองทุนหมู่บ้านฯ ตลอดจนประชาชนในหมู่บ้านและชุมชนเป็นอย่างมาก