กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
การเผยโฉมครั้งแรกของ ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) เจเนอเรชั่นที่ 3สตุ๊ทการ์ท. ปอร์เช่พร้อมแล้วกับการเปิดตัว คาเยนน์ (Cayenne) เจเนอเรชั่นที่ 3 ยนตกรรม SUV สายพันธุ์แกร่งที่เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตจากสตุ๊ทการ์ท ตัวตนที่ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ก่อกำเนิดบนการผสมผสานอันลงตัว ระหว่างสมรรถนะการขับขี่สุดร้อนแรงสไตล์ปอร์เช่ รวมเป็นหนึ่งเดียวกับอัจฉริยภาพในการสนองตอบต่อความสะดวกสบายเหนือระดับของการใช้งานเพื่อทุกวันของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบเปี่ยมพลัง ระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 จังหวะ รูปลักษณ์ภายนอกปรับใหม่ และนวัตกรรมแนวคิดระบบควบคุมพร้อมหน้าจอแสดงผล รับหน้าที่เชื่อมต่อรถยนต์กับโลกแห่งการสื่อสารไร้พรมแดนได้อย่างไม่มีข้อจำกัด กำหนดบรรทัดฐานใหม่ให้เหนือขึ้นไปอีกขั้น ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพการบังคับควบคุมและอรรถประโยชน์ เครื่องยนต์ 6 สูบ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่หมดจด รองรับความต้องการถึง 2 ระดับความแรง: เริ่มต้นด้วย คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบขนาดความจุ 3.0 ลิตร 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) ให้กำลังมากกว่าเครื่องยนต์ในรุ่นเดิมถึง 40 แรงม้า (29 กิโลวัตต์) ตามด้วยเครื่องยนต์ V6 ไบเทอร์โบ ขนาดความจุ 2.9 ลิตร ใน คาเยนน์ เอส (Cayenne S) ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากพละกำลังสูงสุดกว่า 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) เพิ่มขึ้นถึง 20 แรงม้า (15 กิโลวัตต์) เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เติมเต็มความพิเศษมากยิ่งขึ้นด้วยอุปกรณ์พิเศษชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ สปอร์ต โครโน (Sport Chrono Package) ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส (Cayenne S) ใหม่ ให้อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 วินาทีเท่านั้น
คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยอ้างอิงแนวทางจากเทคโนโลยีและอัตลักษณ์ของรถสปอร์ตระดับตำนาน ปอร์เช่ 911: ยนตกรรม SUV พันธุ์แรง เจเนอเรชั่นที่ 3 จึงเพียบพร้อมไปด้วยคุณลักษณะชั้นเลิศ ไม่แค่เพียงความสง่างามในทุกมุมมอง แต่ยังรวมไปถึงการยกระดับประสิทธิภาพการขับขี่ให้ล้ำหน้าไปอีกขั้น ทั้งยางต่างขนาดและระบบช่วยเลี้ยว ล้อหลัง หรือ rear-axle steering ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นครั้งแรก มั่นใจทุกการควบคุมที่ไม่แตกต่างจากรถสปอร์ตเต็มรูปแบบด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ active all-wheel drive เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบ Porsche 4D Chassis Control ระบบช่วงล่างถุงลม three-chamber air suspension และ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ถึงแม้ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) จะเปี่ยมไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐานมากมายก็ตาม แต่กลับมีน้ำหนักตัวรถรวมที่เบากว่ารุ่นที่แล้วถึง 65 กิโลกรัม ที่สำคัญ ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ยังคงรักษาสมรรถนะในการบุกตะลุยเส้นทาง off-road เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเดิม
สัมผัสงานดีไซน์ กร้าวแกร่ง ดุดัน: โดดเด่น งามสง่า ด้วยล้ออัลลอยด์ขนาดใหญ่
งานออกแบบที่แสดงออกถึงบุคลิกภาพแห่งที่สุดของยนตกรรมสายพันธุ์สปอร์ตอย่างเด่นชัด: รูปลักษณ์ภายนอกของ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ ท้าทายทุกสายตาด้วยสไตล์ที่ได้รับอิทธิพลจาก DNA ปอร์เช่ ในทุกกระเบียดนิ้ว ขยายขนาดช่องดักอากาศด้านหน้า เสริมความดุดันน่าเกรงขาม บ่งบอกถึงสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา ไฟส่องสว่างมุมกันชนที่วางตัวตามแนวขนานให้ความรู้สึกถึงรูปทรงตัวถังที่กว้างและแข็งแกร่งราวกับมัดกล้ามของนักกีฬา แม้ในขณะจอดนิ่งอยู่กับที่ก็ตาม ความยาวตัวรถเพิ่มขึ้น 63 มิลลิเมตร โดยยังคงระยะฐานล้อเดิม (2,895 มิลลิเมตร) แนวหลังคารถวางตัวต่ำลง 9 มิลลิเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เส้นสายของโครงสร้างภายนอกไหลลื่น ต่อเนื่อง สร้างความประทับใจเพียงแรกเห็น ด้วยมิติตัวถังความยาว 4,918 มิลลิเมตร และ ความกว้าง 1,983 มิลลิเมตร (ไม่รวมกระจกมองข้าง) อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจน คือปริมาตรความจุของพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถขนาด 770 ลิตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 100 ลิตร ขยายขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางวงล้ออัลลอยด์เพิ่มขึ้นอีก 1 นิ้ว พร้อมติดตั้งล้อและยางคู่หลังขนาดใหญ่กว่าคู่หน้าเป็นครั้งแรกสำหรับ คาเยนน์ (Cayenne) เสริมสร้างสมรรถนะการบังคับควบคุมให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ความแตกต่างสำคัญอีกหนึ่งจุด คือ ตราสัญลักษณ์ตัวอักษรปอร์เช่ 3 มิติขนาดใหญ่บริเวณไฟท้าย ซึ่งเชื่อมต่อจรดกันทั้งสองฝั่งด้วยแผงทับทิมสามมิติ LEDs เรียวยาว ตลอดแนวตัวถังด้านหลัง
ปอร์เช่ ภูมิใจนำเสนอ ระบบไฟส่องสว่าง three-stage lighting concept ที่ได้รับการออกแบบพัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุด: คาเยนน์ (Cayenne) ทุกคัน ติดตั้งไฟหน้าแบบ LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกติดตั้งระบบ Porsche Dynamic Light System (PDLS) เป็นอุปกรณ์พิเศษ เสริมประสิทธิภาพการทำงานที่หลากหลาย อาทิ cornering light และ motorway light หรือเลือกใช้ที่สุดของนวัตกรรมเทคโนโลยีส่องสว่างด้วยโคมไฟคู่หน้าแบบ LED พร้อมระบบ PDLS Plus กระจ่างชัดทุกสถานการณ์จากการกระจายทิศทางและความหนาแน่นของแสงโดยการทำงานของชุด light-emitting diodes จำนวนถึง 84 ตำแหน่ง อย่างอิสระ ผลลัพธ์ที่ได้คือความล้ำหน้าซึ่งมีเพียง คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่เท่านั้นที่ตอบสนองให้ ผู้ขับขี่ได้ ไม่ว่าจะเป็น การทำงานของไฟสูงที่ไม่ส่งผลกระทบกับรถที่วิ่งสวนทาง หรือขีดความสามารถในการส่องสว่างป้ายสัญญาณจราจร ให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น
คาเยน์ (Cayenne) และ คาเยนน์ เอส (Cayenne S)
ยนตกรรม SUV รุ่นล่าสุดจากปอร์เช่ เปิดตัวด้วย 2 รุ่นย่อย: เริ่มต้นที่ คาเยนน์ (Cayenne) ประจำการขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบ ขนาดความจุ 3 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร โดดเด่นด้วยสมรรถนะที่เหนือระดับแม้จะเป็นรุ่นมาตรฐาน อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 6.2 วินาที (5.9 วินาที เมื่อติดตั้งชุดแต่งสปอร์ต โครโน) ความเร็วสูงสุดที่ 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามติดด้วย คาเยนน์ เอส (Cayenne S) ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาดความจุ 2.9 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่หมดจด ให้พละกำลังสูงสุด 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) มากกว่าในรุ่นเดิมถึง 20 แรงม้า (15 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิดมหาศาลกว่า 550 นิวตันเมตร จากตัวเลขสมรรถนะดังกล่าว ส่งผลให้ คาเยนน์ เอส (Cayenne S) มีอัตราเร่งจากศูนย์ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 5.2 วินาทีเท่านั้น (4.9 วินาที เมื่อติดตั้งชุดแต่งสปอร์ต โครโน) ทะยานทะลุความเร็วสูงสุดกว่า 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เร็วแรงบนท้องถนน พร้อมบุกตะลุยในทุกเส้นทาง off-road : เกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S และ ระบบ PTM
ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ เติมเต็มทุกศักยภาพแห่งการขับขี่ พัฒนาขีดความสามารถให้รองรับการใช้งานทั้งสมรรถนะสไตล์สปอร์ตและความสะดวกสบาย ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Tiptronic S ใหม่ล่าสุด ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว แม่นยำ ด้วยอัตราทดที่ดียิ่งขึ้นในตำแหน่งเกียร์ต่ำ ถ่ายทอดพละกำลังเต็มประสิทธิภาพไม่ว่าบนถนนเรียบความเร็วสูงหรือเส้นทาง off-road หรืออาจเรียกได้ว่านี่คือจุดบรรจบของอรรถประโยชน์และความสนุกสนานในการบังคับควบคุม ด้วยการทำงานอันต่อเนื่อง เรียบเนียน ของชุดเกียร์ 8 จังหวะ สิ่งที่ผู้ขับขี่ได้รับคือความนุ่มนวลผ่อนคลายขณะโดยสาร พร้อมอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประหยัดอย่างเหลือเชื่อ
ในขณะฝ่าฟันอุปสรรคบนเส้นทาง off-road ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ยังคงรักษาเสถียรภาพและความมั่นใจสูงสุดเอาไว้ได้เสมอ โปรแกรมการขับขี่แบบ off-road คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ทุกอย่างสำหรับผู้ขับขี่เป็นไปโดยง่าย ทั้งนี้ลักษณะการทำงานที่ได้รับการตั้งเป็นค่าเริ่มต้นคือ โปรแกรมการขับขี่แบบ Onroad ในส่วนของ 4 โปรแกรมที่เหลือ ถูกกำหนดเพื่อรองรับกับสภาวการณ์หลากหลายสไตล์ off-road ที่ต้องเผชิญ ประกอบด้วยโปรแกรม Mud, Gravel, Sand หรือ Rocks ระบบขับเคลื่อน ตัวถัง และระบบส่งกำลัง จะได้รับการปรับใช้งานตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ในส่วนของการกระจายกำลังขับเคลื่อนนั้น รับหน้าที่โดย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ active all-wheel drive ซึ่งติดตั้งเป็นระบบมาตรฐานใน คาเยนน์ (Cayenne) ทุกรุ่น เสริมด้วยระบบ Porsche Traction Management (PTM) รับบทบาทในการจัดสรรค์กำลังขับจากเครื่องยนต์ให้แบ่งไปยังเพลาคู่หน้าและคู่หลังอย่างเหมาะสมที่สุด ทุกปัจจัยข้างต้นคือหัวใจหลักของประสิทธิภาพการขับขี่ชั้นเลิศ ถึงพร้อมด้วยสมรรถนะในการพิชิตทุกสภาพเส้นทางของ ปอรเช่ คาเยนน์ (Cayenne)
ตามรอยอัตลักษณ์แห่ง 911: ตัวถังน้ำหนักเบา และยางต่างขนาด
คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ ผสมผสานหลักปรัชญาการออกแบบตัวถังใน 3 ลักษณะให้รวมเป็นหนึ่งเดียว รถสปอร์ตความเร็วสูง รถ off-road และ รถทัวริ่ง โดยมีพื้นฐานจากโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ separat-ed link และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ multi-link เข้าถึงเอกลักษณ์ของยนตกรรมสายพันธุ์สปอร์ตอย่างเต็มรูปแบบด้วยการติดตั้งยางต่างขนาด ซึ่งมีวงล้ออัลลอยด์เริ่มต้นที่ 19 นิ้ว ผลที่ได้คือเสถียรภาพการทรงตัวและยึดเกาะแนบแน่น มั่นใจทุกการ เข้าโค้ง ปอร์เช่ เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้ว เป็นอุปกรณ์พิเศษ
วิวัฒนาการเหนือระดับ: ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear-axle steering ระบบช่วงล่างถุงลม air suspension และระบบควบคุมการทรงตัว roll stabilisation
เพื่อประสิทธิภาพการทรงตัวในทุกสภาวะการขับขี่ ระบบช่วยเหลือทั้งหมดจะดำเนินการประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์โดยการควบคุมของระบบ Porsche 4D Chassis Control ทั้งนี้ระบบดังกล่าวมีขั้นตอนการปฏิบัติงานแบบ real time เพื่อเสถียรภาพในการบังคับควบคุมสูงสุดตลอดเวลา นอกเหนือจากระบบช่วงล่างอัตโนมัติ active PASM damper system (ติดตั้งเป็นระบบมาตรฐานในรุ่น คาเยนน์ เอส Cayenne S) อุปกรณ์ทุกชิ้น ล้วนแล้วแต่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ นอกจากนี้ยังนับเป็นครั้งแรกสำหรับปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ในการติดตั้งระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear-axle steering นวัตกรรมที่ผ่านการทดลองและทดสอบในความเหนือชั้นมาแล้วจากการทำหน้าที่อย่างยอดเยี่ยมใน 911 และ พานาเมร่า (Panamera) เพิ่มความแม่นยำรวมทั้งให้เสถียรภาพการทรงตัวในขณะเข้าโค้งและเปลี่ยนช่องจราจรด้วยความเร็วสูง ลดระยะวงเลี้ยวให้แคบลง ช่วยให้การขับขี่ยนตกรรม SUV สมรรถนะสูงคันนี้ เป็นไปอย่างคล่องตัวและง่ายดายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ระบบช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ adaptive air suspension เทคโนโลยี three-chamber อุปกรณ์พิเศษติดตั้งเพิ่มเติม มอบความนุ่มนวลผ่อนคลายในขณะโดยสารเดินทาง พร้อมประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่หนึบแน่น มั่นคง ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของยานยนต์ในรูปแบบทัวริ่ง สำหรับในรุ่นก่อนหน้า ระบบดังกล่าวทำหน้าที่เพียงปรับระดับความสูงของระยะใต้ท้องรถเมื่อขับขี่บนเส้นทางขรุขระเท่านั้น แต่เมื่อทำงานร่วมกับอุปกรณ์พิเศษ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) roll stabilisation ผู้ขับขี่จะสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างระบบไฮดรอลิกและระบบอิเล็กทรอนิกส์ ขั้นตอนการสลับสับเปลี่ยนเกิดขึ้นผ่านระบบควบคุมด้วยไฟฟ้าแรงดันสูง 48 โวลท์ ให้อัตราการตอบสนองที่รวดเร็ว ฉับไว รองรับรูปแบบการขับขี่ที่เน้นความดุดัน เที่ยงตรง สไตล์สปอร์ต แต่ยังคงเปี่ยมด้วยความนุ่มนวลสะดวกสบายสูงสุด
ครั้งแรกของโลก: จานเบรกเคลือบ tungsten-carbide จากปอร์เช่
นวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุด Porsche Surface Coated Brake (PSCB) นับเป็นอีกวาระสำคัญ สำหรับบทบาทของบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกแห่งนี้ ในฐานะผู้บุกเบิกและคิดค้นพัฒนาระบบเบรกสมรรถนะสูง โดยผู้ครอบครอง คาเยนน์ (Cayenne) ทุกรุ่น สามารถเลือกติดตั้งชุดจานเบรกเหล็กหล่อเคลือบผิวด้วย tungsten-carbide เพิ่มเติมจากมาตรฐาน กรรมวิธีพิเศษดังกล่าว ช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน พร้อมลดอัตราการสึกหรอและฝุ่นผงที่เกิดจากการเบรกลงได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการเสริมภาพลักษณ์สปอร์ตรวมถึงมุมมองที่แตกต่างให้แก่ยนตกรรมปอร์เช่ได้เป็นอย่างดี โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยคาลิเปอร์เบรกสีขาว พื้นผิวของจานเบรกที่ได้รับการเคลือบผิวและผ่านการใช้งานในระยะเริ่มต้น จะเริ่มปรากฎให้เห็นถึงความแวววาวสวยงาม ทั้งนี้ระบบเบรก PSCB สามารถติดตั้งได้กับวงล้ออัลลอยด์ขนาด 20 หรือ 21 นิ้ว ในส่วนของระบบเบรกเซรามิก PCCB นั้น ยังคงเป็นระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเช่นเดิม
ชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ สปอร์ต โครโน ใหม่ ติดตั้งพร้อมระบบ PSM Sport
คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นล่าสุด รังสรรค์คุณสมบัติในการบังคับควบคุมจนก้าวข้ามทุกขีดจำกัดเดิม ด้วยชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ สปอร์ต โครโน จากปอร์เช่ ซึ่งมีหลักการทำงานในลักษณะเดียวกับยนตกรรมสปอร์ตพันธุ์แท้ สวิทช์เลือก MODE การขับขี่บนวงพวงมาลัยคือหลักฐานที่ชัดเจนต่อคำกล่าวอ้างข้างต้น ด้วยรูปแบบที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้งานได้ตามต้องการทั้งแบบ Normal, Sport และ Sport Plus เพียงปลายนิ้วสัมผัสบนปุ่ม Sport Response บริเวณกึ่งกลางสวิทช์ เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังจะได้รับการกระตุ้นให้ทำงานจนถึงขีดสุดของสมรรถนะ นอกจากนี้ชุดแต่ง สปอร์ต โครโน ยังได้รวมเอาระบบ PSM Sport ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ เข้าถึงทุกความรื่นรมย์จากยอดยนตกรรม SUV ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
น้ำหนักที่เบาลง ส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและความเร้าใจในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น
โครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบาจำเป็นอย่างยิ่งต่อรถสปอร์ตทุกคัน เห็นได้จาก ปอร์เช่ 911 และ พานาเมร่า (Panamera) สำหรับตัวถังใหม่ล่าสุดของ คาเยนน์ (Cayenne) ประกอบขึ้นจากการผสานระหว่างโลหะผสมและเหล็กกล้าคุณภาพสูง ชิ้นส่วนภายนอกผลิตจากวัสดุอลูมิเนียม พื้นตัวถัง โครงสร้างด้านหน้า และส่วนต่างๆ ของตัวถังเกือบทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ผลิตขึ้นด้วยโลหะผสมทั้งสิ้น หนึ่งในเทคโนโลยีที่เป็นจุดเด่นสำคัญ คือนวัตกรรมแบตเตอรี่ lithiumion polymer เฉพาะอุปกรณ์ดังกล่าวเพียงอย่างเดียว สามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 10 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยรวมแล้วน้ำหนักตัวรถเปล่าของ คาเยนน์ (Cayenne) ลดลงจาก 2,040 เหลือเพียง 1,985 กิโลกรัมเท่านั้น ถึงแม้ในรถยนต์รุ่นใหม่จะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมอีกมากมาย อาทิ ไฟหน้า LED ล้ออัลลอยด์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือ ระบบช่วยจอด ParkAssist (ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง)
วิวัฒนาการแห่งโลกดิจิตอล: Porsche Advanced Cockpit และ ระบบ PCM รุ่นล่าสุด
คาเยนน์ (Cayenne) เจเนอเรชั่นที่ 3 คือยอดยนตกรรมผู้รับบทบาทจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้แก่อนาคตของการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และยานพาหนะ แนวทางการออกแบบ Porsche Advanced Cockpit ได้รับการบรรจุลงอย่างสมบูรณ์ โดยประสานเป็นหนึ่งเดียวอย่างกลมกลืนกับสมรรถนะสปอร์ตและความหรูหรา หัวใจหลักอยู่ที่หน้าจอควบคุมระบบสัมผัสและแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว full-HD เชื่อมต่อกับระบบติดต่อสื่อสารล้ำยุครุ่นล่าสุด Porsche Communication Management (PCM) ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วใน พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ เสริมศักยภาพการใช้งานที่เปี่ยมอรรถประโยชน์ยิ่งขึ้น สามารถสั่งงานด้วยเสียงหรือ voice control ร่วมกับการควบคุมผ่านปุ่มต่างๆ บนแผงคอนโซลกลางในส่วนของฟังก์ชั่นหลักในตัวรถ ทางด้านของปุ่มควบคุมอื่นๆ ได้รับการจัดวางในลักษณะเดียวกับ smartphone แผงควบคุมระบบสัมผัสพร้อมมุมมองที่สวยงามชัดเจนสไตล์ glass-look touch surface พร้อมคุณภาพในการตอบสนองและเสียงตอบรับจากการทำงานที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของปอร์เช่เท่านั้น ผู้ขับขี่สามารถสังเกตเห็นรอบการทำงานของเครื่องยนต์ได้อย่างชัดเจนและแม่นยำจากเกจ์วัดรอบบนแผงหน้าปัทม์แบบเข็มสุดคลาสสิก ประกบทั้ง 2 ฝั่งด้วยหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง full-HD ขนาด 7 นิ้ว รับหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ที่ผู้ขับขี่ต้องการทราบผ่านสวิทช์ควบคุมบนพวงมาลัย multi-function
สร้างสรรค์ คาเยนน์ (Cayenne) ที่สะท้อนตัวตนของคุณได้อย่างไร้ข้อจำกัด
ระบบ PCM รุ่นใหม่ เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่เข้าถึงทุกการสื่อสาร ไม่เพียงหน้าจอเริ่มต้นและเมนูหลักเท่านั้นที่สามารถปรับตั้งได้ตามต้องการ แต่ยังรวมถึงข้อมูลส่วนตัวอีกถึง 6 รายการ ได้แก่ ขนาดของตัวเลขที่แสดงผล ข้อมูลการปรับตั้งเฉพาะตัว ผู้ขับขี่ที่เกี่ยวกับระบบไฟส่องสว่าง โปรแกรมการขับขี่ และระบบช่วยเหลือทั้งหมด โดยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนตัวรถ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งข้อมูลเฉพาะตัวในส่วนของระบบเครื่องเสียงและความบันเทิง รุ่นใหม่ จาก Bose® และ Burmester® ได้เช่นเดียวกัน
ติดตามภาพประกอบเนื้อหาข่าวได้ที่ Porsche Newsroom (www.newsroom.porsche.com) และฐานข้อมูลสำหรับสื่อมวลชนที่ Porsche press database ( www.presse.porsche.de )
*อุปกรณ์ที่ติดตั้งอาจมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่จำหน่าย ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โชว์รูมรถยนต์ปอร์เช่ใกล้บ้านท่าน
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.8-11.1 กิโลเมตร/ลิตร (9.2–9.0 ลิตร/100 กิโลเมตร) ; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 209–205 กรัม/กิโลเมตร
ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส (Cayenne S) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย10.6-10.8 กิโลเมตร/ลิตร (9.4–9.2 ลิตร/100 กิโลเมตร) ; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 213–209 กรัม/กิโลเมตร
**ตัวเลขดังกล่าวขึ้นอยู่กับขนาดของยางที่ติดตั้งกับตัวรถ